วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Rebound ระยะสั้น
วันอังคารที่ผ่านมาดัชนี Rebound โดยได้รับ Sentiment เชิงบวกจากหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐปรับตัวขึ้น มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA และมีแรงซื้อเพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มค้าปลีก ไอซีที และธนาคาร
ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,390.88 จุด +18.23 จุด +1.33% มูลค่าการซื้อขาย 39,006.62 ลบ. Program Trading +3,425.22 ลบ. ต่างชาติ +2,401.13 ลบ. TFEX +18,248 สัญญา ตราสารหนี้ -718.57 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ +0.94% ปิดที่ 74.25 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์อุปทานน้ำมันในตลาดจะตึงตัวเนื่องจากชาติตะวันตกมีแนวโน้มใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากอิหร่านและรัสเซีย และความหวังว่าอุปสงค์น้ำมันในจีน จะปรับตัวสูงขึ้น
+ FedWatch ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย. และจากนั้นเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงสิ้นปี 2568
+ ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.1 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 52.1 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.3
+ รมว.การกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวในสัปดาห์แรกของปี 2568 โดยข้อมูล ณ วันที่ 6 มกราคม พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสม ตั้งแต่วันที่ 1-5 มกราคม รวม 505,411 คน สร้างรายได้ประมาณ 25,299 ล้านบาท
+ ครม.เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 จำนวน 3.78 ล้านล้านบาทเท่ากับกรอบวงเงินตามแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 69-72) และ ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการด้านการเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME 2 โครงการ วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท
+สภาผู้ส่งออกคาดว่าการส่งออกปี 2568 จะเติบโต 1-3% มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องเฝ้าระวังคือสงครามการค้าและความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าซึ่งอาจส่งผลทั้ง ด้านบวกและลบ
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 178.20 จุด หรือ -0.42% เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้นและอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 2.7% ใน 4Q67 ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 1.4% ใน 1Q67, 3% ใน 2Q67 และ 2.8% ใน 3Q67
- สหรัฐฯ เปิดผยผลสำรวจพบว่าตัวเลขการเปิดรับสมัครงานซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 259,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.098 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย. จาก 7.839 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 7.70 ล้านตำแหน่ง
- ก.พาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยปี 2567 +0.40% ต่ำสุดรอบ 4 ปี จากมาตรการตรึงค่าไฟฟ้า น้ำมันดีเซล ขณะที่ราคาอาหารและเครื่องดื่มปรับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ปี 2568 คาดเงินเฟ้อ +0.8% ประเมินว่าการปรับขึ้นค่าแรงไม่กระทบเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ระยะสั้น จากเม็ดเงิน Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติที่ทยอยเข้าหุ้นไทยบางส่วน ประกอบมีโอกาสได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า หลังกระทรวงการพลังงานเสนอให้ลดภาษีปิโตรเลียม เพื่อลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ มองกรอบดัชนีที่ 1,380-1,400 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL
• หุ้นเด่น IAA : AOT ADVANC BDMS CPALL
หุ้นรายงานพิเศษ
TRUE "ซื้อ" (Bloomberg Consensus 14.00 บาท)
3Q67 มีกำไรหลัก 3.1 พันล้านบาท
•TRUE ผลประกอบการใน 3Q67 มีรายได้เท่ากับ 50,840 ลดลงเล็กน้อย -0.5%QoQ โดย มีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการขาย แต่ยังเติบโต +1.4%YoY จากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการในกลุ่มธุรกิจตาง ๆ EBITDA เติบโตตอเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 โดยหากนับตั้งแตควบรวมบริษัท EBITDA เพิ่มขึ้น 5.5 พันล้านบาท ซึ่งไดรับแรงผลักดันหลักจากการเติบโตในกลุมธุรกิจโทรศัพทเคลื่อนที่และธุรกิจออนไลน์ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม และ การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ใน 3Q67 บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิ -810 ลานบาท ผลขาดทุนสุทธิได้รับผลกระทบเชิงลบจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว -3,917 ล้านบาท จากการด้อยค่าของสินทรัพยที่เกี่ยวของกับการดำเนินการพัฒนาเครือขายให้ทันสมัย (Network Modernization) โดยภายหลังจากการปรับปรุงรายการใหม่(Normalized) จากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ซึ่งหากไม่รวมรายการดังกล่าวบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 3,107 ลานบาท (+24.1% QoQ, และพลิกจากขาดทุน -1.6 พันล้านบาท ใน 3Q66)
•ความเห็น : เรามีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการของ TRUE จากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ลดลง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม ราคาปัจจุบันยังมี Upside ราว 25% จาก ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) AAI (Bloomberg Consensus 8.00 บาท) เล็งผลงาน ปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง รับแรงหนุนกำลังการผลิตไตรมาส 1/2568 เพิ่มขึ้นอีก 3,000 ตัน มั่นใจไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบาย "ทรัมป์" ในการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง ขณะที่ประเมินทิศทางเงินบาทแข็งค่าขึ้น พร้อมเตรียมขยายตลาดไปยังแถบประเทศตะวันออกกลาง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BC (Bloomberg Consensus - บาท) กางแผนงานปี 2568 ดันรายได้-กำไรเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว เล็งสร้าง 3 โครงการใหม่ พร้อมขยายโรงแรม รับปัจจัยบวกท่องเที่ยวฟื้นตัว เตรียมเสนอขายไอพีโอเหรียญดิจิทัลช่วงวันที่ 3-17 กุมภาพันธ์นี้ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SAK (Bloomberg Consensus 6.75 บาท) เป้าพอร์ตสินเชื่อ ปี 2568 ขยายตัว 15% สินเชื่อทะเบียนรถ-สินเชื่อที่ดินโดดเด่น รุกปูพรมผุด 50 สาขาใหม่ในไตรมาสแรก ลงทุน 2-3 แสนบาทต่อสาขา ด้านธุรกิจใหม่สินเชื่อโซลาร์รูฟท็อปคาดปีนี้แตะ 100 ล้านบาท พร้อมร่วมโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" บรรเทาพิษเศรษฐกิจให้ลูกหนี้ ขณะที่ NPL คาดยังต่าระดับ 2.5-2.6% แย้มงบไตรมาส 4/2567 และทั้งปี 2567 ตามแผนงาน แถมบริหารต้นทุนดีขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PHG (Bloomberg Consensus 21.00 บาท) รับอานิสงส์ทางสปส. เคาะค่ารักษาให้โรงพยาบาลเอกชนที่ระดับ 12,000 บาท ชี้หนุนรายรับพุ่ง พร้อมปักธงปี 2568 ผลงานทะยานต่อเนื่องจากปี 2567 รับฐานผู้ใช้บริการขยายตัว แถมแจง ROJNA เข้าถือหุ้นใหญ่ หวังขยายฐานลูกค้า-ช่วยลดต้นทุน (ที่มา ข่าวหุ้น)