วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ประเด็นการลงทุนของ CPAXT อาจช่วยคลาย Overhang ให้ตลาดหุ้น
อาจได้โมเมนตัมเชิงบวกจากประเด็นของ CPAXT วานนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งในกรอบแคบๆ สำหรับวันนี้เราประเมินโมเมนตัมโดยรวมของตลาดหุ้นไทยอาจดูดีขึ้น หลังหลายฝ่ายชี้ว่าประเด็นการลงทุนในโครงการ The Happitat ของ CPAXT นั้น ไม่ถือเป็นรายการที่เกี่ยวข้องกัน
เราประเมินเป็นการคลาย overhang ให้กับราคาหุ้นของ CPALL และ CPAXT จากโทนการประชุมที่เป็นบวกทั้ง AIMC และ กลต. ภาพรวมกลยุทธ์การลงทุนเรายังคงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นลงทุนรายกลุ่ม/รายตัว เป็นหลัก จากความผันผวนของปัจจัยในต่างประเทศ อาทิ นโยบายของคุณ Donald Trump และปัจจัยด้านนโยบายการเงินของ FOMC โดยกลุ่มหุ้นที่เราชอบ ยังคงเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการใช้จ่าย ท่องเที่ยว และบริโภคภายในประเทศ จากการได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ดำเนินการแล้วบางส่วน และคาดหวังการออกนโยบายเพิ่มเติมในปีนี้ จากการเบิกจ่ายงบประมาณที่เข้าสู่สภาวะปกติ
ธุรกรรมเข้าลงทุนใน The Happitat ของ CPAXT ไม่เป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน: ในการประชุมศึกษาของคณะกรรมมาธิการ การเงิน การคลัง สถาบันการเงิน และตลาดเงิน (กมธ. การเงินฯ) สภาผู้แทนราษฎร (8 ม.ค.) ผู้แทนสำนักงาน กลต. ให้ความเห็นว่าธุรกรรมที่ CPAXT เข้าลงทุนใน The Happitat ไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกันเนื่องจากโครงสร้างของธุรกรรมเป็นลักษณะของการจัดตั้งบริษัทใหม่ (CPAXT ถือ 95%: MQDC ถือ 5%) ไม่ใช่การซื้อ จึงไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน แม้กมธ.การเงินฯ จะฝากกลต. พิจารณาปรับปรุงเกณฑ์เพื่อไม่ให้เกิดช่องในการทำธุรกรรมลักษณะนี้ในอนาคต แต่ ณ ปัจจุบันทำให้ CPAXT น่าจะมีความชัดเจนว่าไม่มีปัญหาในการทำธุรกรรม ซึ่งน่าจะทำให้หุ้นมีโอกาสฟื้นตัวจากความกังวล โดยประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อทั้ง CPAXT และ CPALL
ภาพรวมกลยุทธ์ ความผันผวนช่วงม.ค.เป็นโอกาสในการเลือกซื้อ โดยยังมองกลุ่ม Earnings momentum play ใน 4Q67-1Q68 มีความน่าสนใจ โดยเราชอบ หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เครื่องดื่มและเนื้อสัตว์) ขณะที่คาดธนาคาร และการเงิน จะเป็นกลุ่มช่วยประคองบรรยากาศโดยรวม
แนวรับ: 1,370 แนวต้าน : 1,400 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• CPALL* (84): คาดผลการดำเนินงานจะได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ High season ใน 4Q67 และนโยบายกระตุ้นการบริโภคใน 1Q68 ตัดขาดทุน 54.25 บาท
• KTB (25) : คาดรายงานกำไรไตรมาส 4/67 ที่ 11,009 ล้านบาท -0.9% QoQ, +21.2% YoY คาดผลตอบแทนปันผลที่ 5% ตัดขาดทุน 20.80 บาท
• CBG* (85): ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลง และการสร้างโรงงานที่พม่าบวกต่อการแย่งส่วนแบ่งการตลาด ตัดขาดทุน 77.25 บาท
• BTG (21) : คาดกำไร 4Q67F เพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จากต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรยังปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ตัดขาดทุน 17.50 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- "วอลเลอร์" หนุนเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยปีนี้
- EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงน้อยกว่าคาด
- ADP เผยจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ +122,000 เดือนธ.ค. ต่ำกว่าคาดการณ์
- CNN แฉ "ทรัมป์" มีแผนประกาศภาวะฉุกเฉินเปิดทางใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษี
- มาเลเซียจ่อลดภาษีดึงดูดการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์
- กกร. คาด GDP ไทยปี 68 โต 2.4-2.9% ยังต่ำกว่าศักยภาพจากปัญหาเชิงโครงสร้าง
- AEONTS ไตรมาส 3 (สิ้นสุด พ.ย.) กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 788.57 ลบ.
- RS ปัดไม่รู้ผู้บริหารถูก Force Sell หุ้นดิ่งฟลอร์ 2 วันเป็นไปตามกลไกตลาด-ปัจจัยภายนอก
- บอร์ด TKN ไฟเขียวจัดงบ 135 ลบ.พร้อมเข้าซื้อหุ้นคืน 13 ม.ค.-11 ก.ค.68
- บทวิเคราะห์วันนี้ : AEONTS แนะนำ ซื้อ เป้า 160 บาท/ ITC แนะนำ ถือ เป้า 22 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10 ม.ค. – US Non Farm Payrolls (Dec)
13 ม.ค. – Chat with Tony: Bull Rally of Thai Capital Market
15 ม.ค. – US Inflation (Dec)