วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ MAJOR ประมาณการ 4Q67F: หนังทำเงินเพียงเรื่องเดียวยังไม่เพียงพอ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ MAJOR ประมาณการ 4Q67F: หนังทำเงินเพียงเรื่องเดียวยังไม่เพียงพอ

ภาพยนตร์ทำเงินสูงเรื่องเดียวไม่เพียงพอที่จะผลักดันกำไรเติบโต YoY

เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q67F ของ MAJOR จะอ่อนตัวกว่าที่เราประมาณการไว้ก่อนหน้า โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 278 ล้านบาท (-16% YoY แต่พุ่งขึ้น +453% QoQ) การที่กำไรลดลง YoY จะมาจาก i) รายได้ที่ลดลงโดยเฉพาะจากธุรกิจโรงภาพยนตร์เนื่องจากมีภาพยนตร์ทำผลงานดีอยู่เพียงเรื่องเดียว (เทียบกับภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงถึง 3 เรื่องใน 4Q66) ii) สัดส่วน SG&A/ยอดขายที่สูงขึ้น ส่วนกำไรพุ่งขึ้น QoQ จะเป็นเพราะรายได้ดีขึ้นจากทุกส่วนงานและ margin ดีขึ้นด้วย ทั้งนี้ เราคาดกำไรเต็มปีอยู่ที่ 701 ล้านบาท (-27% YoY) คิดเป็น 90% ของประมาณการปี 2567F เดิมของเรา

สำหรับรายได้ใน 4Q67F น่าจะอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท (-22% YoY แต่ +39% QoQ) นอกเหนือจากภาพยนตร์ทำเงินเรื่อง ธี่หยด 2 แล้ว หนังไทยและหนังดังจากค่าย Hollywood เรื่องอื่นๆ ทำผลงานต่ำกว่าเป้าและไม่สามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาพยนตร์ทำรายได้สูง 3 อันดับแรกคือ ธี่หยด 2 (550 ล้านบาท) ตามมาด้วย วัยหนุ่ม 2544 (81 ล้านบาท) และ Venom: The Last Dance (58 ล้านบาท) ขณะที่ รายได้ปี 2567F เราคาดว่าจะลดลงอยู่ที่ 7.7 พันล้านบาท (-10% YoY) คิดเป็น 93% ของประมาณการเต็มปี 2567F เดิมของเรา แม้ว่ารายได้จะอ่อนตัวลง YoY แต่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) น่าจะดีขึ้นอยู่ที่ 41.8% ใน 4Q67F (เทียบกับ 39.1% ใน 4Q66) เป็นเพราะ margin ของป๊อปคอร์นดีขึ้นและการบริหารจัดการรอบฉายที่ดีขึ้นด้วย กรณีนี้ส่งผลให้ GPM ปี 2567F ดีขึ้นอยู่ที่ 36.3% (เทียบกับสมมติฐานของเราที่ 34.7%) แต่ทว่า เราประเมินว่าสัดส่วน SG&A/ยอดขายใน 4Q67F จะเพิ่มขึ้น YoY อยู่ที่ 29.6%(จาก 24.4% ใน 4Q66) ตามรายได้ลดลง ดังนั้น คาดว่าสัดส่วน SG&A/ยอดขายปี 2567F ของ MAJOR จะอยู่ที่ 29.6% สูงกว่าประมาณการปัจจุบันของเราที่ 26.0%.

 

 

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F/2568F ลง

ในมุมมองของเรา เรายังคาดว่าหนังดังจากค่าย Hollywood ที่จะเข้าฉายในอนาคตจะช่วยกระตุ้นรายได้ และ margin ให้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี เพื่อสะท้อนประมาณการกำไรใน 4Q67F ไม่โดดเด่น เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F/2568F ลงราว 10%/16% ตามลำดับ (Figure 2) หลัก ๆ มาจาก i) ปรับลดจำนวนผู้ชมลงอยู่ที่ 30.5/33.8 ล้านคน (จาก 33.3/37.6 ล้านคน) และ ii) ปรับเพิ่มสัดส่วน SG&A/ยอดขายขึ้นอยู่ที่ 29.6%/27.9% (จาก 26.0%/25.0%) ตามค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้น ทั้งนี้ เราคาดกำไรหลักเติบโต 4% YoY ในปี 2567F และ 18% YoY ในปี 2568F โดยหลัก ๆ หนุนจากหนังดังของค่าย Hollywood แข็งแกร่งขึ้นที่กำลังรอเข้าฉาย ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโต 20% และ GPM สูงขึ้นราว 0.6ppts

Valuation & action

เมื่ออิงตามประมาณการกำไรใหม่ของเรา เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2568F ใหม่ลดลงอยู่ที่ 15.00 บาท
จากเดิม 17.80 บาท อิงจากพื้นฐาน PER เดิมที่ 15.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต) ทั้งนี้ เนื่องจากราคาปิดหุ้นมี upside
เหลือจำกัด ทำให้เราปรับลดคำแนะนำหุ้น MAJOR ลงเป็นเพียง "ถือ" จากซื้อ

Risks

รายได้จากโรงภาพยนตร์และธุรกิจสื่อโฆษณาต่ำกว่าที่คาด

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ MAJOR ประมาณการ 4Q67F: หนังทำเงินเพียงเรื่องเดียวยังไม่เพียงพอ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ MAJOR ประมาณการ 4Q67F: หนังทำเงินเพียงเรื่องเดียวยังไม่เพียงพอ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ MAJOR ประมาณการ 4Q67F: หนังทำเงินเพียงเรื่องเดียวยังไม่เพียงพอ

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ MAJOR ประมาณการ 4Q67F: หนังทำเงินเพียงเรื่องเดียวยังไม่เพียงพอ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ MAJOR ประมาณการ 4Q67F: หนังทำเงินเพียงเรื่องเดียวยังไม่เพียงพอ

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ MAJOR ประมาณการ 4Q67F: หนังทำเงินเพียงเรื่องเดียวยังไม่เพียงพอ