วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วันจันทร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ได้รับ Sentiment เชิงลบจากจีนเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการชะลอตัว และมีแรงกดดันเพิ่มเติมจาก Fund Flow ที่ไหลออก มีแรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และพลังงาน มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร
ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาผลการประชุมเฟด และการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,340.94 จุด -13.13 จุด -0.97% มูลค่าการซื้อขาย 30,685.23 ลบ. Program Trading 107.44 ลบ. ต่างชาติ -1,012.62 ลบ. TFEX -5,807 สัญญา ตราสารหนี้ +2,791.76 ลบ.
ปัจจัยบวก
ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 289.33 จุด หรือ +0.65% แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ หลังจากบริษัทดีปซีค (DeepSeek) ธุรกิจสตาร์ตอัปของจีนเปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพและใช้ต้นทุนต่ำทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทเทคโนโลยี AI ชั้นนำในสหรัฐ
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.3% ที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค. โดยคาดว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้เร็วขึ้นเป็นเดือนพ.ค.จากเดิมในเดือนก.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนก.ย. จากเดิมที่คาดว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้
+ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งให้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาประเมินการทำงานของสำนักงานบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FEMA)
+ ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างเลบานอนกับอิสราเอล จะยังมีผลต่อไปจนถึง 18 กุมภาพันธ์นี้ แม้ก่อนหน้านี้ อิสราเอลประกาศว่าจะยังไม่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ตอนใต้ตามกำหนดเส้นตายเมื่อวานนี้
+ นักลงทุนจะจับตาตลาดหุ้นอินเดียหลังจากธนาคารกลางอินเดีย (BOI) ประกาศแผนอัดฉีดเงินกว่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบนิเวศทางการเงินผ่านมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการซื้อพันธบัตรและการสวอปสกุลเงิน
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ -2.0% ปิดที่ 73.17 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่าโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้นทุนต่ำของบริษัทดีปซีค (DeepSeek) ซึ่งเป็นสตาร์ตอัปของจีนได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความต้องการพลังงานในการขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูล (Data Center)
- ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของ นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น 27% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของหุ้นในกลุ่มธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังการเปิดตัวโมเดล AI จากบริษัทดีปซีค (DeepSeek) ของจีนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจาก VIX ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 27% ขณะที่ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติยังไหลออกต่อเนื่อง มองกรอบดัชนี 1,330-1,350 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL
• หุ้นเด่น IAA : AOT ADVANC BDMS CPALL
• Chat with Tony : VGI BTS BEM GULF INTUCH
• Sentiment เชิงบวกจาก บ้านเพื่อไทย : CK STECON CRD
หุ้นรายงานพิเศษ
PTG "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 10.00 บาท
"คาดผลประกอบการปี 2024-2026 จะเติบโตเฉลี่ย 18% ต่อปี"
•คาดผลประกอบการปี 2024-2026 จะเติบโตเฉลี่ย 18% ต่อปี จาก 1.0 พันลบ. ในปี 2024 เป็น 1.5 พันลบ. ในปี 2025 และเพิ่มขึ้นสู่ 1.8 พันลบ. ในปี 2026 โดยได้แรงหนุนของผลประกอบการจากธุรกิจ non-oil ทั้ง 2 ธุรกิจ 1) กาแฟพันธ์ไทย ตั้งเป้าขยายสาขาจาก 1,000 สาขาในปี 2024 เป็น 3,000 สาขาในปี 2026 และคาดว่า ผลประกอบการจะเติบโตจาก 200 ลบ. ในปี 2024 สู่ 1.0 พันลบ.ในปี 2026 และ 2) การเติบโตจากธุรกิจ LPG ในการขยายส่วนแบ่งการตลาดก๊าซหุงต้มจาก 1Q20 ที่ 10% สู่ 4Q24 ที่ 20% และสัดส่วนการตลาดก๊าซ LPG สำหรับรถยนต์จาก 1Q20 ที่ 31% สู่ 4Q24 ที่ 35% ทั้งนี้บริษัทรายงานกำไร 9M24 ที่ 793 ลบ. +94%YoY และคิดเป็น 79% ของประมาณการ
•เราประเมินราคาเหมาะสมปี 25 ด้วยวิธี SOTP แบ่งเป็น 1) ธุรกิจสถานีจำหน่ายน้ำมันใช้ Forward P/E ที่ 9 เท่า 2) ธุรกิจ non-oil LPG และเครื่องดื่มใช้ Forward P/E ที่ 15 เท่า และ 3) ธุรกิจไบโอดีเซลใช้ Forward P/E ที่ 5 เท่า ได้ราคาเหมาะสม 10 บาทต่อหุ้น ซึ่งมี upside 32% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) BCH (Bloomberg Consensus 20.50 บาท) เดินเครื่องปั้นโรงพยาบาลใหม่ที่ปากน้ำ มูลค่าราว 1.6 พันล้านบาท อัพฐานรับทรัพย์เพิ่ม คาดเปิดบริการได้ช่วงปี 2570 หนุนพอร์ตโรงพยาบาลเพิ่มเป็น 17 แห่ง พร้อมวางเป้าปี 2568 รายได้โตสองหลัก รับฐานผู้ใช้บริการขยายตัว แถมประกันสังคมเพิ่มค่ารักษาเป็น 12,000 บาท หนุนอีกทาง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) KTC (Bloomberg Consensus 48.00 บาท) โชว์ผลงานเดือนมกราคม 2568 ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 10% รับอานิสงส์จากมาตราการ Easy E-Receipt และเทศกาลตรุษจีน ช่วยเร่งการใช้จ่าย มั่นใจผลงานทั้งปี 2568 โตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% พร้อมวางงบลงทุนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ลุยพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้องค์กรก้าวเข้าสู่องค์กรดิจิทัลอย่างยั่งยืน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BTG (Bloomberg Consensus 23.00 บาท) ทุ่มงบ 1,900 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ Eggriculture รุกตลาดอาหารสิงคโปร์ พร้อมเปิดแผนสร้าง Synergy มุ่งเสริมความแข็งแกร่งแบรนด์เบทาโกรทั้งในช่องทางร้านค้าปลีกและขยายฐานลูกค้ากลุ่ม HORECA ยกระดับประสิทธิภาพและผลผลิตของห่วงโซ่คุณค่า วางเป้ารายได้ในประเทศสิงคโปร์ปี 2568 โต 400% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) EGCO (Bloomberg Consensus 132.00 บาท) ปิดดีลขายหุ้น 49% ใน RISEC Holdings, LLC (RISEC) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กาลังผลิต 609 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา ให้กับ Shell Energy North America (US), L.P. (SENA) เสร็จสมบูรณ์แล้ว สอดคล้องกับแนวทางการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว(ที่มา ทันหุ้น)