MONEY AND STOCK MARKET REVIEW วันที่ 17-21 มีนาคม 2568

MONEY AND STOCK MARKET REVIEW วันที่ 17-21 มีนาคม 2568

เงินบาทกลับมาอ่อนค่า ขณะที่ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

• เงินบาทกลับมาอ่อนค่าตามแรงขายทากาไรทองคาหลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ และการเคลื่อนไหวเหนือแนว 3,000 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ไม่ได้รับแรงหนุนมากนัก แม้บอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ จะขยับขึ้นในช่วงก่อนการประชุมเฟด

อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยอ่อนค่ากลับมาบางส่วนตามจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก หลังจากที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ที่ระดับ 3,057.49 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ในระหว่างสัปดาห์) ประกอบกับมีแรงกดดันด้านอ่อนค่าเพิ่มเติมจากแรงขายสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ได้รับอานิสงส์จากสัญญาณไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยของเฟด (แม้จะมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลงมาในการประชุม FOMC รอบที่ผ่านมาก็ตาม)

 

MONEY AND STOCK MARKET REVIEW วันที่ 17-21 มีนาคม 2568

• ในวันศุกร์ที่ 21 มี.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.87 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.67 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (14 มี.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 17-21 มี.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 3,501.8 ล้านบาท และ 669 ล้านบาท ตามลำดับ

 

• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 24-28 มี.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.60-34.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ และตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.พ. ของไทย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองผู้บริโภคเดือนมี.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนก.พ. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 (final) รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนมี.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของอังกฤษด้วยเช่นกัน

 

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

• ดัชนีหุ้นไทยปิดบวกตามแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มแบงก์และพลังงาน 

ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงแรก ก่อนจะทยอยปรับตัวขึ้นจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคก่อนการประชุมเฟด ประกอบกับน่าจะมีแรงซื้อคืนหุ้นไทยจากนักลงทุนหลังดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องหลายสัปดาห์ โดยแรงซื้อหลัก ๆ อยู่ในกลุ่มแบงก์ จากความคาดหวังเรื่องเงินปันผลก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งในระหว่างสัปดาห์ก็มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการประกาศจ่ายเงินปันผลกรณีพิเศษของแบงก์ใหญ่แห่งหนึ่ง รวมถึงกลุ่มพลังงานจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น

 

MONEY AND STOCK MARKET REVIEW วันที่ 17-21 มีนาคม 2568

 

 

ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมาตามแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่แห่งหนึ่งและบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่แห่งหนึ่งก่อนขึ้นเครื่องหมาย SP ตามขั้นตอนของการควบรวมกิจการ ก่อนจะขยับขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์โดยยังคงมีแรงซื้อต่อเนื่องในกลุ่มแบงก์และพลังงานเข้ามาหนุน

• ในวันศุกร์ที่ 21 มี.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,186.61 จุด ปรับขึ้น 1.09% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 41,942.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.15% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.17% มาปิดที่ระดับ 246.58 จุด

• สัปดาห์ถัดไป (24-28 มี.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,165 และ 1,155 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,200 และ 1,210 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนมี.ค. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนก.พ. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 (final) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนมี.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนกำไรบริษัทอุตสาหกรรมเดือนก.พ. ของจีน