ส่อง 5 ประเทศมหาอำนาจ เดินหน้าพัฒนา “สกุลเงินดิจิทัล”
โลกการเงินเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก เราอยู่ในยุคที่การเงินเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยี เทคโนโลยีใหม่ทางการเงินอย่างบล็อกเชนมาพร้อมกับแนวคิดเรื่องการกระจายอำนาจ (decentralization) อำนาจทางการเงินไม่กระจุกตัวอยู่ที่รัฐหรือสถาบันใดสถาบันหนึ่ง ทำให้ธนาคารกลางแต่ละประเทศและสถาบันการเงินระดับชาติต้องรีบวางแผนเพื่อพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า “สกุลเงินดิจิทัล” ออกมา
แต่ไม่ใช่ทุกประเทศที่จะตอบรับการพัฒนานี้ได้อย่างทันท่วงที สำหรับ 5 ประเทศมหาอำนาจ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร และ สหรัฐ จากอำนาจในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จึงมีการเริ่มต้นและพัฒนาได้รวดเร็วกว่าประเทศอื่นๆ
ดิจิทัลหยวน
ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) หรือธนาคารกลางจีน ได้เริ่มทดลองใช้ “ดิจิทัลหยวน (Digital RMB) หรือ E-CNY” แล้วระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งนับเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลกที่ใช้งานได้จริงในระดับประชาชน โดยได้ทดสอบการใช้งานครั้งแรกเมื่อปี 2562 ในเมืองเซินเจิ้น (มณฑลกวางตุ้ง) นครเฉิงตู (มณฑลเสฉวน) เขตสงอาน (มณฑลเหอเป่ย) และเมืองซูโจว (มณฑลเจียงซู)
และต่อมาในช่วงปลายปี 2563 ได้ทดลองใช้ดิจิทัลหยวนในอีก 6 พื้นที่ ได้แก่ นครเซี่ยงไฮ้ มณฑลไห่หนาน นครฉางซา (มณฑลหูหนาน) นครซีอาน (มณฑลส่านซี) เมืองชิงต่าว (มณฑลซานตง) และเมืองต้าเหลียน (มณฑลเหลียวหนิง) และล่าสุดเริ่มทดลองในเมืองใหญ่ที่เป็นบ่านเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ จีนยังมีแผนขยายทดลองใช้ดิจิทัลหยวนเพิ่มต่อเนื่องด้วย นับเป็นการผลักดันจริงจังของภาครัฐจีนจนเป็นประเด็นร้อนที่ได้รับความสนใจทั้งในจีนและต่างประเทศ โดยเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Delta: YRD) ก็เป็นพื้นที่หนึ่งที่จัดอยู่ในแผนงานดังกล่าว
ขณะนี้ มีการเปิดกระเป๋าเงินส่วนตัวมากกว่า 140 ล้านกระเป๋า นับถึงวันที่ 22 ต.ค. 2563 จนถึงปัจจุบัน โดยมูลค่าการทำธุรกรรมรวมเกือบ 6.2 หมื่นล้านหยวน (ราว 3.25 แสนล้านบาท)
ดิจิทัลยูโร
ธนาคารกลางฝรั่งเศส พัฒนา ยูโรดิจิทัล CBDC ของประเทศ ภายใต้ระเบียบการโอนเงิน-กฎหมายควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัล MiCA มุ่งรักษาบทบาทการเงินของธนาคารกลางในระบบเศรษฐกิจ ออกแบบเทคโนโลยีการชะรำเงินแบบ DL3S ทดสอบต้นแบบยูโรดิจิทัลในโครงการนำร่องปี 2566
ทั้งนี้ได้เดินหน้าพัฒนา ‘ยูโรดิจิทัล’ ระยะที่ 2 เพื่อทดสอบต้นแบบยูโรดิจิทัลกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารกลางอื่น ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบระบบนำร่องในปี 2566
Britcoin
ธนาคารกลางอังกฤษ มีกำหนดจะหารือร่วมกันในปีนี้ ว่าควรสร้างสกุลเงินดิจิทัล ‘Britcoin’ เพื่อมาเป็น CBDC ของอังกฤษหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาดของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวว่า CBDC ใดๆ จะไม่แทนที่เงินสด และจะมีมูลค่าเทียบเท่ากับธนบัตรปอนด์สเตอร์ลิง อีกทั้งการใช้งบดุลของธนาคารกลางในการจัดหาเงินจากการทำธุรกรรมที่รัฐสนับสนุนเป็นหนึ่งในหน้าที่ของทางธนาคารกลางที่มีมายาวนานที่สุด
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษมองว่าเงินสำรองปอนด์สเตอร์ลิงซึ่งบรรดาธนาคารพาณิชย์ถือไว้ถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลประเภทหนึ่ง และ CBDC ที่ครบถ้วนสมบูรณ์เป็นรูปแบบการเข้าถึงระบบนี้ในวงกว้างของสาธารณชน ซึ่งอาจลดบทบาทของธนาคารในการชำระเงินแบบรายวัน
ดิจิทัลดอลลาร์
สำหรับสกุลเงินดิจิทัลล ของ “ธนาคารกลางสหรัฐ” นั้น เฟดเลือก CBDC ในรูปแบบต่าง ๆ เฟดเลือกให้ดอลลาร์เป็นแบบ account-based เพื่อให้สามารถรู้ถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ถือเงินดิจิทัลดอลลาร์
โดยเฟดจะเลือกใช้เงินดิจิทัลดอลลาร์เป็นแบบ Wholesale ซึ่งมีธนาคารพาณิชย์เป็นผู้แจกจ่ายเงินดิจิทัลดอลลาร์สู่ประชาชน
ดิจิทัลรูเบิล
ธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (CBR) ได้ออกร่างข้อเสนอโดยสรุปแผนนโยบายงานด้านการเงินการคลังภาคดิจิทัลในกรอบระยะเวลา 3 ปีถัดไป โดยเตรียมนับถอยหลังการเปิดใช้งาน รูเบิลดิจิทัล สกุลเงินซึ่งออกโดย CBDC ของรัสเซียรองรับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศในการใช้จ่ายเฉพาะสินค้าและบริการโดยเฉพาะเท่านั้น ให้มีความทันสมัย รวดเร็วขึ้น หวังกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การลงทุน
โดยการใช้งานรูเบิลดิจิทัลเต็มรูปแบบจะเริ่มขึ้นภายใน 2 ปี รวมทั้งการพัฒนาด้าน โหมดออฟไลน์และการเชื่อมโยงขององค์กรทางการเงินและการแลกเปลี่ยนที่ไม่ใช่ธนาคาร คาดว่าจะมีขึ้นในปี 2568
ทั้งนี้ รัฐบาลรัสเซียก็ได้มีการตกลงกับธนาคารกลางรัสเซียสำเร็จ ในการออกนโยบายปรับสถานะของเงินคริปโท จากเดิมที่มีสถานะเป็นเพียงแค่ สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) ให้กลายเป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถใช้ในการชำระซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ภายในประเทศได้
เดินหน้าออก Cryptoruble
สำหรับการออกแบบเหรียญ Cryptoruble ของประเทศรัสเซียมีเป้าหมายเพื่อยกระดับให้ประชาชนในประเทศรัสเซียสามารถเข้าถึงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราทั่วโลกได้ รวมไปถึงการรองรับระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน โดยจะมีการดำเนินผ่านแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า Indefibank ด้วยการนำระบบ DeFi เข้ามาประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้
อีกทั้งคาดว่าเหรียญ Cryptoruble จะเป็นเหรียญที่ไม่ได้มีการขึ้นตรงกับรูเบิลดิจิทัลที่ทางรัฐบาลของประเทศรัสเซียกำลังดำเนินการทดสอบอยู่ในเวลานี้แต่อย่างใด ซึ่งมีการใช้โมเดลแบบเดียวกับ DAI stablecoin และเหรียญที่ได้มีการพัฒนานี้คาดว่าจะมีอัตราการแลกเปลี่ยนเมื่อเทียบกับรูเบิลรัสเซีย 1 :1