“ฮ่องกง” ตั้งเป้าขึ้นเป็น “คริปโทฮับ” เปิดช่องเทรด “บิตคอยน์-อีเธอเรียม”
“ฮ่องกง” จ่อสร้าง "คริปโทฮับ" ครองเอเชีย ไฟเขียวเปิดทางรายย่อยเทรดบิตคอยน์ -อีเธอเรียม “จีน” ซุ่มสนับสนุน กูรูคริปโทไทยมอง “จีน” หนุนคริปโทฮับ จุดเปลี่ยนสำคัญช่วยดันราคา “บิตคอยน์” เข้าตลาดขาขึ้น
Key points
- ราคาเหรียญคริปโทสัญชาติจีน-หุ้นเทคโนโลยีจีนพุ่ง หลังธนาคารกลางจีน ประกาศอัดฉีดเงิน
- ฮ่องกงเตรียมขึ้นแท่น "คริปโทฮับ" ครองเอเชีย ไฟเขียวเปิดทางรายย่อยเทรดบิตคอยน์
- กูรูคริปโทมอง “จีน”หนุนคริปโทฮับ จุดเปลี่ยนช่วยดันราคา “บิตคอยน์” เข้าตลาดขาขึ้น
ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัดฉีดเงิน 1.28 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.891 หมื่นล้านดอลลาร์ เข้าสู่ระบบการเงิน ทำให้นักลงทุนตั้งข้อสงสัยว่าจะสามารถเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง “คริปโทเคอร์เรนซี่” ได้ด้วยหรือไม่
ขณะเดียวกัน “ฮ่องกง” เขตปกครองพิเศษของจีนมีความทะเยอทะยานสู่การเป็นศูนย์กลางของ"คริปโท" หรือที่เรียกว่า “คริปโทฮับ” ของภูมิภาคอาเซียน
ก่อนหน้านี้รัฐบาลฮ่องกงได้ยกเลิกแนวคิดในการออกกฎหมายของตนเอง ในเดือนตุลาคมปี 2565 เพื่อควบคุมคริปโทและอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อย “ลงทุนโดยตรงในสินทรัพย์เสมือน” ซึ่งอาจตรงกันข้ามกับการแบนคริปโทของจีน
โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ว่า มีตัวแทนจากสำนักงานประสานงานของจีน China Liaison Office ได้เข้าร่วมการประชุมคริปโทในฮ่องกงบ่อยครั้ง เพื่อติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถึงหลักเกณฑ์ความแตกต่างระหว่างฮ่องกง และปักกิ่ง และอาจเปิดให้ฮ่องกงเป็นฐานสำหรับทดสอบสำหรับคริปโท
ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน ทำให้มีกฎหมายและธรรมาภิบาลเป็นของตนเอง โดยในอดีตอาณานิคมของอังกฤษถูกย้ายกลับไปยังจีนในปี 2540 ตามคำรับรองจากปักกิ่งถึงการไม่แทรกแซงระบบเศรษฐกิจและการเมืองของจีนเป็นเวลา 50 ปี หรือที่เรียกว่าหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ”
ย้อนกลับไปในอดีต จีนเริ่มการปราบปรามคริปโทในปี 2560 และห้ามการซื้อขายในปี 2564 ทำให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับคริปโทในจีน เช่น ไบแนนซ์(Binance) และเหรียญ Tron ออกจากประเทศ รวมทั้งแบนธุรกิจการทำเหมืองขุดคริปโทในประเทศเมื่อปี 2563
ฮ่องกง ไฟเขียวเปิดทางรายย่อยเทรด “บิตคอยน์-อีเธอเรียม”
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกงได้ร่างระบบใบอนุญาตการดำเนินธุรกิจคริปโตฉบับใหม่ที่เสนอให้การแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ทั้งหมดที่ทำงานในภูมิภาคนี้ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล ภายในเดือนมิถุนายน 2567 มิฉะนั้น SFC “จะไม่ลังเลที่จะดำเนินการบังคับใช้”
อีกทั้งอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยซื้อขายคริปโท เช่น บิตคอยน์และอีเธอเรียม โดยจะอนุญาตให้ซื้อขายบนกระดานแลกเปลี่ยนที่ได้รับอนุญาตจากSFCเท่านั้น พร้อมทั้งจะมีมาตรการป้องกันและคุ้มครองผู้บริโภค ด้วยการทดสอบความรู้ โปรไฟล์ความเสี่ยง และขีดจำกัดที่สมเหตุสมผลในการรับความเสี่ยงก่อน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในวันที่31 มีนาคมนี้
เนื่องจากการปฏิเสธการเข้าถึงตลาดคริปโทอาจผลักดันให้ชาวฮ่องกงซื้อขายบนแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ไม่ได้รับการควบคุม เช่น FTX เป็นต้น ซึ่งการผลักดันด้านกฎระเบียบใหม่ได้กระตุ้นให้ธุรกิจคริปโทจำนวนมากแสวงหาการขยายตัวในเขตพื้นที่ฮ่องกง
โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ Huobi Global กระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลสัญชาติจีน กล่าวว่าจะขอใบอนุญาตในประเทศและวางแผนที่จะเปิดการแลกเปลี่ยนใหม่เฉพาะในฮ่องกงโดยมุ่งเน้นไปที่สถาบันและกลุ่มนักลงทุนรายบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูง
ข่าวดีของการสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทในฮ่องกง กำลังดึงดูดการลงทุนของบริษักยักษ์ใหญ่ในจีนเข้ามาในอุตสาหกรรม ทำให้หุ้นจีนที่เชื่อมโยงกับคริปโทและบล็อกเชนพุ่งขึ้น เช่น Technology Holdings Ltd. บริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลในฮ่องกง เพิ่มขึ้นมากถึง 22% และ หุ้นของแพลตฟอร์ม Crypto New Huo Technology Holdings Ltd. สูงขึ้น 14% แม้กระทั้งหุ้นในประเทศจีนอย่าง Shenzhen Forms Syntron Information Co. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ ได้พุ่งสูงขึ้นถึง 10%
กูรูมอง “จีน”หนุนคริปโทฮับ จุดเปลี่ยนดันราคา “บิตคอยน์” พุ่ง
นายชานน จรัสสุทธิกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอร์เวิร์ด โฮลดิ้งส์ จำกัด มองว่าฮ่องกงเป็นประเทศที่เปิดกว้างสำหรับคริปโทอย่างชัดเจน ยิ่งมีการประกาศว่าจะมีกฎระเบียบที่รองรับในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้เป็นเหมือนจุดสำคัญที่จะเรียกนักลงทุนในอุตสาหกรรมในภูมิภาคอาเซียนได้มากขึ้น รวมทั้งผู้ปรกอบการในประเทศไทยในการเข้าไปจดทะเบียนบริษัท หรือขอใบอนุญาตด้านต่างๆ เช่น คริปโท สตาร์ทอัพ และ DeFi ในระดับโกลบอล
รวมทั้งการที่ประเทศมหาอำนาจอย่างจีนอาจเข้ามามีบทบาทในอนาคต เพราะฮ่องกงเป็นประเทศปกครองพิเศษของจีน อาจเป็นจุดสตาร์ทให้ราคา “บิตคอยน์” ผันตัวกลับมาสู่ตลาดขาขึ้นอีกครั้งได้เช่นกัน จากระบบเศรษฐกิจจีนที่เริ่มฟื้นตัว
แม้ว่าจีนได้ประกาศแบนคริปโท แต่อุตสาหกรรมคริปโทในจีน ทั้งของผู้ถือบิตคอยน์ เหรียญคริปโท และเหมืองขุดคริปโทมีจำนวนมาก จากการที่เริ่มเข้าสู่ตลาดตั้งแต่ยุคแรกๆ เป็นไปได้ว่าการให้ความสนใจในครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนทำให้สินทรัพย์เหล่านี้กลับมามีมูลค่าสูงขึ้นอีกครั้ง
จึงไม่แปลกใจที่ราคาเหรียญคริปโท หรือหุ้นที่มีโปรเจกต์มาจากประเทศจีนจะมีราคาพุ่งสูงขึ้นจากข่าวดีที่ตลาดได้รับในวันที่ 20 ก.พ.66 เช่น NEO (NEO) เพิ่มสูงขึ้น 12% เคลื่อนไหวที่ 11 ดอลลาร์,CFX (CONFLUX) เพิ่มสูงขึ้น 21% เคลื่อนไหวที่ 0.1842 ดอลลาร์, FIL (Fliecoin) พุ่ง 24.47% เคลื่อนไหวที่ 9.23 ดอลลาร์