Bitget จับมือ Core DAO เปิดตัวกองทุนเพื่อระบบนิเวศมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์
Bitget แพลตฟอร์มเทรด Copy Trading และอนุพันธ์คริปโต จับมือกับ Core DAO องค์กรมุ่งมั่นด้านการพัฒนาระบบนิเวศ Satoshi Plus เปิดตัวกองทุนเพื่อระบบนิเวศมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ โดยโฟกัสการสนับสนุนแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp) ที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชน Core Network Layer-1
การเปิดตัวกองทุนมีขึ้นหลังจากที่เครือข่าย Core ได้เปิดตัว Mainnet และมีการปล่อย Airdrop โทเค็น CORE ไป ซึ่งมีผู้ใช้เคลมไปมากกว่า 1.5 ล้านคน รวมถึงการผนวกการทำงานล่าสุดกับ LayerZero โปรโตคอลการส่งข้อความแบบ Cross-Chain และ Switchboard โปรโตคอล Oracle แบบไม่ต้องอาศัยการอนุญาต (Permissionless) กองทุนเพื่อระบบนิเวศนี้ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรยุทธศาสตร์อย่าง Bitget และ MEXC โดยจะนำไปใช้สนับสนุนโปรเจกต์ต่างๆ ที่อยู่ในช่วงแรกเริ่มเพื่อการวิจัยและพัฒนา การหาคนทำงานเข้ามาร่วมทีม การตลาด โปรแกรมการสร้างชุมชน และโครงการริเริ่มอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการเติบโต
นอกจากการลงทุนมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว การจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กันครั้งนี้ทำให้เป็นไปได้ว่าจะมีการลิสต์โปรเจกต์ Core และเปิดโซนเทรด Core ใหม่บน Bitget รวมถึง BitKeep Wallet ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Bitget แล้ว จะมีการมุ่งเน้นเป็นพิเศษไปที่กองทุนเพื่อระบบนิเวศของ Core และความพยายามด้านเทคโนโลยี ให้การสนับสนุนโปรเจกต์และช่วยเหลือด้วยประสบการณ์จากทีมงาน Bitget ในด้านความปลอดภัยและในด้านอื่นๆ ที่สามารถพัฒนาได้
นอกจากนี้ Bitget ยังมีแผนที่จะเป็นหนึ่งใน Validator ของเครือข่าย Core ด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งรองรับการ Stake Core บนแพลตฟอร์ม ด้วยผู้ใช้มากกว่า 8 ล้านคน จึงทำให้ Bitget สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่สำคัญยิ่งในด้านการ Stake ให้กับระบบนิเวศ Core DAO ได้ รวมถึงมีส่วนช่วยที่จำเป็นในด้านสภาพคล่อง
“การลงทุนในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นที่เรามีในการสนับสนุนวงการบล็อกเชนจากหลากหลายแง่มุม เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่าจุดประสงค์ของบล็อกเชนก็คือการเชื่อมต่อโลกความเป็นจริงเข้ากับพื้นที่ Web3 และนี่คือสิ่งที่เราพร้อมส่งเสริมอย่างแข็งขันจากการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กันในครั้งนี้และจากการสนับสนุนด้านกองทุนเพื่อระบบนิเวศ และด้วยความช่วยเหลือของเรา เราจึงมั่นใจว่า Core สามารถเติบโตอย่างยิ่งใหญ่และพัฒนาหลักการที่แท้จริงของระบบกระจายศูนย์ให้ก้าวหน้าได้ ซึ่งมีรากฐานอยู่ที่ความโปร่งใสและการพัฒนาประสบการณ์ Cross-Chain ของสมาชิกในชุมชน” Gracy Chen กรรมการผู้จัดการ Bitget ให้ความเห็นต่อการประกาศเรื่องความร่วมมือกันครั้งนี้
กองทุนเพื่อระบบนิเวศของ Core DAO แตกต่างไปจากของเจ้าอื่นๆ ในวงการ คือจะไม่ใช้ระบบมอบให้เป็นทุนซึ่งมีเกณฑ์หลักของโปรเจกต์ในการรับเงินสนับสนุนคือความมุ่งมั่นที่จะสร้างผลงานในโปรโตคอลที่ระบุ แต่กองทุนเพื่อระบบนิเวศของ Core จะให้กับแต่ละโปรเจกต์โดยดูว่าสามารถทำผลงานได้ตามเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้าตามสถานการณ์ซึ่งให้มูลค่าที่จับต้องได้กับชุมชน Core หรือไม่
“บ่อยครั้งเกินไปที่โปรแกรมการให้ทุนนั้นดูเหมือนจะออกแบบมาเพื่อให้ได้เป็นข่าวและสร้างกระแสในระยะสั้นๆ เท่านั้น แทนที่จะเป็นการสนับสนุนโปรเจกต์ที่มีเป้าหมายตรงกับความสำเร็จในระยะยาวของระบบนิเวศ” Rich Rines, Initial Contributor ที่ Core DAO กล่าว “Core DAO ให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเสมอกับการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูงสุด แทนที่จะเป็น “เจ้าแรก” หรือ “เจ้าที่เร็วที่สุด” ในการสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกองทุนเพื่อระบบนิเวศของเราที่ร่วมกับ Bitget นั้นจะสร้างแรงจูงใจให้โปรเจกต์ต่างๆ ได้พัฒนาขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ความสำเร็จที่ต่อเนื่องและมีมูลค่า”
ตลาดคริปโต และ Web3 จากข้อมูลเห็นได้ว่า (CAGR) อัตราการเติบโตรายปีแบบผสม หรือ Compound Annual Growth Rate ถ้าเราดูระยะสั้น อาจจะผันผวน และ คนส่วนใหญ่หนีหา แต่ ระยะเวลา10 ปี + นั้น การเติบโต หลายๆ ปัจจัย เช่น ราคา/มูลค่าตลาด / ความสนใจในโซเชียล / ผู้สร้าง / บริษัทที่เกิดขึ้น มีการเติบโตทุกๆ ปี ปีละ 62–84% แล้วแต่ Indicator
การจับมือร่วมงานกันในครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ได้มีการเปิดตัว Bitget Web3 Fund ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่ Bitget มีอย่างต่อเนื่องในการอำนวยความสะดวกด้านการพัฒนา Web3 และอุตสาหกรรมคริปโต เมื่อเร็วๆ นี้ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน Bitget ได้ออกแคมเปญขยายฐานผู้ใช้งานอย่างครอบคลุม โดยโฟกัสไปที่การโปรโมทกลยุทธ์ “Go Beyond Derivatives” ซึ่งมุ่งเน้นการร่วมงานกันกับโปรเจกต์ต่างๆ ทั้ง Web3 และในโลกความเป็นจริง ส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มล่าสุดคือการเป็นพาร์ทเนอร์แขนเสื้อกับสโมสรฟุตบอล Juventus และการเข้าสู่พื้นที่ Web3 ผ่านการเข้าซื้อโปรเจกต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง Bitget มุ่งมั่นส่งเสริมการใช้งานบล็อกเชนโดยช่วยให้ผู้ใช้ที่หลากหลายได้เข้าถึงบริการแบบกระจายศูนย์และขยายจำนวนผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการ