ก.ล.ต.สหรัฐ จัด 13 อัลคอยน์ เป็น "หลักทรัพย์" ทำมูลค่าเหรียญวูบ 3.4 ล้านล้านบาท
ก.ล.ต.สหรัฐ จัดประเภท 13 อัลคอยน์ เป็น "หลักทรัพย์" ในการฟ้องร้องแพลตฟอร์มคริปโทเคอร์เรนซี มองสกุลเงินดิจิทัลอีกหลายสกุลอาจเข้าข่ายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ทำให้มูลค่าเหรียญวูบ 3.4 ล้านล้าน ลดลง 10%
อัลคอยน์ (altcoins) ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ถือเป็นสัดส่วนใหญ่ในตลาดเมื่อเทียบกับคริปโทเคอร์เรนซีอันดับ 1 อย่างบิตคอยน์ (Bitcoin) มีมูลค่าตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 โดยอัลคอยน์มากกว่า 50 รายการ มีมูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท และคิดเป็นประมาณ 10% ของมูลค่าตลาด
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา หรือ ก.ล.ต. สหรัฐ กำลังเพ่งเล็งบริษัทคริปโทเคอร์เรนซี และฟ้องร้องเว็บเทรดคริปโทฯ หลายแห่ง รวมถึง ไบแนนซ์ (Binance) และ คอยน์เบส (Coinbase) นอกจากนี้ สกุลเงินดิจิทัลอีกหลายสกุลอาจเข้าข่ายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ทำให้อัลคอยน์อย่าง โซลานา (Solana) โพลิกอน(Polygon) และคาร์ดาโน(Cardano) ปรับตัวลดลง 23% ถึง 32%
เวทเทิล ลุนด์ (Vetle Lunde) นักวิเคราะห์อาวุโสของ K33 Research กล่าวว่า การจัดประเภทความปลอดภัยจะส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโทฯ ทั้งหมดของสหรัฐ ซึ่งจะนำไปสู่การปิดคู่สกุลเงิน อัลคอยน์ต่างๆ
แม้ว่าการพิจารณาว่าศาลของสหรัฐ ในการยอมรับการจัดประเภทของ SEC จะยังไม่ได้รับความชัดเจน แต่ขณะนี้เกิดผลกระทบต่อตลาด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Robinhood ถอด 3 เหรียญหลัง ก.ล.ต.จัดว่าเป็น "หลักทรัพย์"
โดยแพลตฟอร์มคริปโทฯ Robinhood Markets ถอดเหรียญอัลคอยน์ออกจากแพลตฟอร์ม เช่น เหรียญ Cardano (ADA), Solana (SOL) และ Polygon (MATIC) อาจได้รับแรงกดดันมากกว่าเหรียญอื่นๆ เมื่อในวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา ท่ามกลางคดีฟ้องร้องระหว่างหน่วยงานกำกับ และเว็บเทรด Binance และ Coinbase ที่กำลังดำเนินต่อไป
ไรอัน ราสมุสเซน(Ryan Rasmussen) นักวิเคราะห์จาก Bitwise Asset Management กล่าวว่า "หลักทรัพย์สามารถซื้อขายได้โดยโบรกเกอร์เท่านั้น และเฉพาะการแลกเปลี่ยนที่มีการควบคุมเท่านั้น รวมทั้งเฉพาะกับบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำหรับธุรกิจคริปโทฯไม่น้อย
ทางด้าน Cardano และ Solana กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่ ก.ล.ต. จัดประเภทโทเคนเป็นหลักทรัพย์ภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา แต่ตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อให้ได้รับความชัดเจนเพิ่มเติม
นักลงทุนกลับสู่ตัวเลือกหลัก "บิตคอยน์"
ในทางเดียวกัน บิตคอยน์ อีเธอเรียม และสเตเบิลคอยน์ต่างๆ กลับไม่ถูกก.ล.ต.สหรัฐจัดประเภทเป็นหลักทรัพย์ Alex Thorn หัวหน้าฝ่ายวิจัย Firmwide ของ Galaxy Digital กล่าว
“ก.ล.ต. ไม่ได้กล่าวว่า BTC, ETH หรือ Stablecoins โดยทั่วไปเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน
และสินทรัพย์เหล่านั้นคิดเป็นอย่างน้อย 75% ของมูลค่าตลาดรวมของ crypto”
ในช่วงเวลาที่ตลาดคริปโทฯ รอความชัดเจน "บิตคอยน์" มักเป็นตัวเลือกของนักลงทุนคริปโทฯ ในช่วงเวลาที่ข่าวต่างๆ ในตลาดคริปโทฯ มีความไม่แน่นอนในทุกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน สัดส่วนของบิตคอยน์ในตลาดคริปโทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 47.6% จาก 45% ก่อนการฟ้องร้อง ตามข้อมูลของ CoinMarketCap.com
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์