BlackRock เล็งตั้ง “ Bitcoin ETF “ เรียกความเชื่อมั่นตลาดคริปโทได้หรือไม่ ?
ท่ามกลางข่าวลบที่เข้ามาในตลาดคริปโท BlackRock บริษัทจัดการการลงทุนของสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการราว 9 ล้านล้านดอลลาร์ได้ยื่นเอกสารขอจดทะเบียนกองทุน Bitcoin แบบสปอตหรือที่เรียกว่า Bitcoin ETF Spot ต่อ SEC
Key Point:
- BlackRock ยื่นเอกสารขอจดทะเบียนกองทุน Bitcoin แบบสปอตหรือที่เรียกว่า Bitcoin ETF Spot ต่อ SEC
- นักลงทุนเสียงแตกมองเป็นข่าวดีต่อบิตคอยน์ หรือทำลายตลาดคริปโท
- หากได้รับการอนุมัติจาก SEC จะทำให้ BlackRock กลายเป็นกองทุนคริปโทแบบสปอต (Spot) แห่งแรกในสหรัฐ
ตามเอกสารในการยื่นขอจดทะเบียนระบุว่า BlackRock จะใช้บริษัท Coinbase Custody Trust เพื่อดูแลการถือครองของ Bticoin ในกองทุนดังกล่าว และจะให้ธนาคารแห่งรัฐนิวยอร์ค Mellon (BNY Mellon) เป็นผู้ดูแลเงินสด
Mike Novogratz CEO ของ Galaxy Digita กล่าวว่า การอนุมัติ ETF ของ BlackRock จะเป็น “สิ่งที่ดีที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับบิตคอยน์"
ทั้งนี้ หากการยื่นเอกสารดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากทางก.ล.ต.สหรัฐฯ จะส่งผลให้กองทุน Bitcoin ของ BlackRock กลายเป็นกองทุนคริปโทแบบสปอต (Spot) แห่งแรกในสหรัฐ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีหลายบริษัทกองทุน เช่น Grayscale Ark Investment ฯลฯ ที่ได้ยื่นกองทุนบิตคอยน์แบบสปอตกับทาง SEC แต่ก็โดนปฏิเสธเรื่อยมา
สิ่งที่น่าติดตาม คือการเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่ชัดเจนด้านกฎระเบียบสำหรับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีในสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังจากที่ SEC ได้ทำการฟ้องร้องศูนย์ซื้อขายคริปโทยักษ์ใหญ่สองแห่ง อย่าง Coinbase และ Binance เมื่อไม่นานมานี้
อย่างไรก็ตาม ทาง BlackRock และ Coinbase ยังไม่ได้ออกมาแถลงการณ์เพิ่มเติมต่อข่าวนี้แต่อย่างใด แต่ต้องคอยจับตาดูกันต่อไปว่า การยื่นขอจดทะเบียนนี้จะได้รับการอนุมัติจากทางหน่วนงานกำกับดูแลหรือไม่เช่นเดียวกัน
กูรูเสียงแตกมองต่าง 2 มุม
ด้าน James Edwards นักวิเคราะห์คริปโทจาก Finder.com เว็บไซต์เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน กล่าวว่าเห็นความตั้งใจของ Blackrock ในการผลัก Bitcoin ETF ในช่วงเวลาเดียวกับที่ SEC อยู่ในเส้นทางสงครามต่อต้านคริปโต เป็นสิ่งที่บอกได้ชัดเจน มันแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในสถานะของ Bitcoin ว่าเป็น “สินค้า”มากกว่า “หลักทรัพย์”
และไม่มีทางที่ BlackRock จะผลักดัน ETF ในลักษณะนี้ โดยปราศจากการปรึกษาหารืออย่างจริงจังกับหน่วยงานกำกับดูแล หรืออาจมีความมั่นใจในสถานะทางกฎหมายในอนาคตของ Bitcoin รวมทั้งการที่ BlackRock เลือกใช้ Coinbase Custody เพื่อดูแลสินทรัพย์ในกองทุน อาจกระตุ้นความเชื่อมั่นอย่างมากสำหรับ Coinbase ในการต่อสู้ทางกฎหมายและถ้าหาก Blackrockไม่มั่นใจความมั่นคงด้านกฎหมาย คงไม่มาเป็นพันธมิตรกับ Coinbase
BlackRock ส่อทำตลาดคริปโทระส่ำ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดคริปโทได้ออกมาเตือนถึง ความเคลื่อนไหวล่าสุดของยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนอาจบ่อนทำลาย “จริยธรรม” ของตลาดคริปโทที่มีรูปแบบตลาดแบบกระจายอำนาจ หรือบริษัทอาจหาทางทำกำไรจากนักลงทุนรายย่อย
Scott Melker นักลงทุน มองว่าการอนุมัติดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อนักพัฒนาคริปโทรวมถึงผู้สร้างอุตสาหกรรม และมองว่าผู้เล่นรายใหญ่ในสหรัฐฯจะยังคงก้าวเข้ามาในตลาด ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ก็มีแนวโน้มที่จะ “เลือกบริษัทเหล่านั้น” มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ
Adam Cochran หุ้นส่วนของ Cinneamhain Ventures และ Ethereum เชื่อว่า BlackRock จะเข้าซื้อเหรียญราคาร่วงของนักลงทุนรายย่อย ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ Melker มองเห็นไปทางเดียวกัน
Steven Lubka กรรมการผู้จัดการของ Swan Bitcoin คาดการณ์ว่าบิตคอยน์จะมีราคาสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์ แต่จะมีนักลงทุนรายย่อยเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่จะได้กำไร เนื่องจากบิตคอยน์จำนวนมากจะตกเป็นของ BlackRock , Goldman Sachs และผู้ออก ETF รายอื่น ๆ
ก่อนหน้านี้ ARK Invest ,Grayscale ,Fidelity , Galaxy Digital , VanEck , Valkyrie Investments , NYDIG , SkyBridge และ WisdomTree เป็นหนึ่งในบริษัทการลงทุนอื่น ๆ ที่ได้ยื่นขอเปิดตัว Spot Bitcoin ETF และกองทุนคริปโทที่คล้ายคลึงกันอื่น ๆ ต่อ SEC แต่โดนปัดตกไป