บิตคอยน์ร่วง 7% เคลื่อนไหวที่ 40,000 ดอลลาร์ ทำนักลงทุนพอร์ตแตก 520 ล้านดอลล์
ราคาบิตคอยน์ ปรับฐานครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ลดลงกว่า 7% เคลื่อนไหวที่ 40,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบ 41,000 ดอลลาร์ การย่อตัวในครั้งนี้ทำนักลงทุนพอร์ตแตกกว่า 520 ล้านดอลล์ พร้อมกับคริปโทกว่า 200 ตัวในตลาดต่างร่วงลง 7% ตามบิตคอยน์
Keypoint:
- ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin)วันนี้ ลดลงกว่า 7%
- นักเทรดพอร์ตแตกรวมกว่า 520 ล้านดอลลาร์
- เหรียญคริปโท 200 ตัว กอดคอร่วงทั้งตลาด
- จับตา 2 ปัจจัยทำราคาคริปโทปั่นป่วน
บิตคอยน์ (Bitcoin) วันนี้ ลดลงกว่า 7% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เคลื่อนไหวที่ 40,000 ดอลลาร์ จากประมาณ 43,800 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม จากตลาดคริปโทที่ย่อตัวลงมา ก่อนที่จะกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบ 41,000 ดอลลาร์
สาเหตุของการร่วงอย่างรุนแรงของราคาบิตคอยน์ยังคงไม่มีความแน่ชัด แต่อาจเป็นการปรับฐานของราคาเนื่องจากราคาของสินทรัพย์ได้พุ่งขึ้นมาติดต่อกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ การลดลงอย่างรวดเร็วเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร "ขาขึ้น" ของบิตคอยน์ที่เคยเกิดขึ้นในทุก ๆ ครั้งก่อนหน้านี้
วิล เคลเมน (Will Clemente) นักวิเคราะห์ตลาดด้านคริปโท กล่าวว่า การปรับฐานในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจและอาจจะเกิดขึ้น ณ จุดหนึ่ง การดึงกลับเหล่านี้มีความจำเป็นเพื่อการเคลื่อนไหวของราคาที่ยั่งยืนมากขึ้น
"ราคาบิตคอยน์" เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าใน 2 เดือนอย่างต่อเนื่อง การปรับฐานครั้งแรกในรอบ 2 เดือนไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจขนาดนั้น การปรับฐานในครั้งนี้ล้างพอร์ตนักลงทุนท่อ่อนแอ ซึ่งทำให้เกิดรากฐานที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับการเคลื่อนไหวที่สูงขึ้นในตลาดคริปโท
ทำให้นักเทรดฟิวเจอร์ในตลาดคริปโทพอร์ตแตกจากการเปิด Long รวมกันมากกว่า 520 ล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน Ether (ETH) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองก็ร่วงลงกว่า 7% ในช่วงเวลาเดียวกันเหลือต่ำกว่า 2,200 ดอลลาร์
สำหรับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ก็ลดลง เช่น Ripple-linked (XRP), dogecoin (DOGE), Chainlink (LINK) และ Cardano (ADA) ลดลง 8% - 12%
ดัชนีตลาด CoinDesk (CMI) เผยตัวเลขว่ามูลค่าตามราคาตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลเกือบ 200 รายการ ก็ลดลงมากกว่า 7% เช่นกัน ซึ่งตอกย้ำการลดลงอย่างหนักทั่วทั้งตลาดคริปโท
- จับตา 2 ปัจจัยทำราคาคริปโทผันผวน
ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นคาดว่าจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์สำคัญ 2 สัปดาห์ คือ การตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟด(FED) และการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายน
นักเทรดหลายคนต่างคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะนำความปั่นป่วนมาสู่ตลาด โดยข้อมูลจากสื่อ บลูมเบิร์ก (Bloomberg) ระบุว่าความผันผวนจะเริ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่เดือนมีนาคม
ในตอนนี้เฟด คาดว่าจะรักษาอัตราดอกเบี้ยให้คงที่หลังจากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่มีนาคม 2565 โดยบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินทุนเริ่มไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จำนวน 6.8 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม
อ้างอิง Coindesk