Bitkub มอง ESG กฏใหม่เกมธุรกิจ เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย ‘กรีน ซัพพายเชน’
ในอนาคตความยั่งยืน หรือ ESG อาจเป็นกฏใหม่ของโลก”ธุรกิจ”ทำให้เศรษฐกิจต้องขับเคลื่อนด้วย “กรีน ซัพพายเชน” ซึ่งเป็นข้อบังคับร่วมกัน ทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้บริโภค ที่ต้องร่วมมือกัน
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ “บิทคับ” หนึ่งในผู้นำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวในงาน “SUSTAINABILITY FORUM 2024” จัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” วันที่ 14 ธ.ค. 2566 มองว่าในปัจจุบันยังมีการถกเถียงถึง”นิยาม”ที่แท้จริงของ ESG ที่คนยังมีภาพจำเพียงแค่การบรรลุเป้าหมาย Net Zero เท่านั้น แต่ในความจริงแล้ว ESG สำหรับการดำเนินธุรกิจในระดับองค์กรมีความลึกซึ้งกว่ามาก
E มาจาก Environment ที่สังคมจะไม่เพียงแค่ Awareness หรือรับรู้ว่าตอนนี้ทั่วโลกมีเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน Net Zero Emissions เท่านั้น แต่จะเป็นการ Enforce หรือ “บังคับใช้” กฎหมายที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับ ESG ซึ่งคาดว่าภายใน 2-3 ปีกฎหมายเหล่านี้จะถูกบังคับใช้มากขึ้นทั้งอีโคซิสเตม ทำให้ธุรกิจใดที่ต้องการ “อยู่รอด” จะต้องเปิดโอกาสในการเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งใหม่ๆ
และ S ที่ไม่ได้หมายถึง Social อย่างเดียว แต่หมายถึง Stake holders ที่ต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการให้ทุกภาคส่วนมีความสมดุลเท่าเทียมกัน
สุดท้าย G ที่มากกว่า Governance ไม่เพียงแต่การดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสเท่านั้น แต่จะต้องคำนึงถึง Data Privacy ความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าด้วย
ถือว่า ESG คือปรัชญาของการสร้างบริษัทและองค์การเพื่อเติบโตในระยะยาว ซึ่งมี 2 หลักสำคัญในการจัดการคือ
1.การจัดการความสมดุลของทุกภาคส่วนภายในองค์กร และ
2.เข้าใจกฎหมายของเกมธุรกิจที่จะถูก “บังคับใช้” ซึ่งถ้ามามารถเปลี่ยนแปลงการทำงานให้เป็น ESG ได้ทุกขั้นตอนจะพบว่า ต้นทุนจะถูกลงอย่างมหาศาล
ในอนาคตทุกอุตสาหกรรมจะถูกกดดันจากเทรนด์ ESG ที่ตอนนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว เช่นการออกข้อบังคับในตลาดทุน ซึ่งในตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงมีการออกข้อบังคับว่าจะต้องมีรายงานว่าตัวเองมีประโยชน์ต่อโลกแค่ไหน จนกลายเป็นการสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ
นำไปสู่การทำรายงาน CSR ของบริษัททั้ง 3 ขั้นตอน ขั้นแรกคือการรายงาน และขั้นที่ 3 คือบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ ธุรกิจคู่ค้าแบบ B2B มี่ตะถูกกดดันเป็นทอดๆ
รวมทั้งระบบการเงินที่จะมีการเกิดขึ้นของสินทรัพย์ใหม่ๆที่เชื่อมโยงกับ Net Zero มากขึ้น จะมีการเกิดขึ้นของ Natural Assets Company สู่การลงทุนกองรีท( REIT)สำหรับธุรกิจธรรมชาติ และการเกิดขึ้นของอาชีพใหม่ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Green Taxonomy
นอกจากการเตรียมพร้อมในระยะยาวสำหรับเศรษฐกิจไทยที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่ “กรีนซัพพลายเชน” Green supply Chain แล้วนั้น
ในระยะสั้น อย่างแรก ไทยต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับมาสู่ตลาดทุนไทย เพื่อสร้างสภาพคล่องให้กับตลาด ถัดมาคือ ต้องแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนโดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้หนี้ครัวเรือนไทยอยู่ในระดับที่สูงมาก และสุดท้ายคือการเริ่มปลี่ยนแปลงประเทศให้เข้าสู่ “เศรษฐกิจดิจิทัล” และเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็ก SME เพื่อสามารถแข่งขันกับระดับโลกได้