สินเชื่อบล็อกเชนดอกเบี้ยต่ำ ดันยอดกู้เพิ่ม 2 เท่า มูลค่าแตะ 582 ล้านดอลลาร์
ยอดปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านคริปโทเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้น 128% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า มูลค่าแตะ 408 ล้านดอลลาร์ รับตลาดคริปโทเคอร์เรนซีบูม ซึ่งเป็นการทำงานผ่านบล็อกเชน และ Smart Contract ใช้ประโยชน์ความโปร่งใสลดความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ
ยอดสินเชื่อส่วนบุคคลที่ใช้บล็อกเชนมีมูลค่าสูงถึง 582 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีที่แล้ว จากโปรโตคอลเครดิตบล็อกเชนที่มีอัตราดอกเบี้ย APR อยู่ที่ 9.65% เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลโดยเฉลี่ยที่ 11.5%
การปล่อยสินเชื่อผ่านใช้บล็อกเชนกำลังฟื้นแรงผลักดันในปีนี้ โดยมูลค่าของสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านบล็อกเชนในขณะนี้อยู่ที่ 582 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 128% จากปีที่แล้วเป็น 2 เท่า แม้ว่าไกลจากจุดสูงสุดที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน 2565
ตามข้อมูลจาก RWA.xyz แพลตฟอร์มเผยแพร่ข้อมูลด้านคริปโทเคอร์เรนซี โดยการฟื้นตัวอาจเป็นสัญญาณว่าผู้ขอสินเชื่อกำลังมองหา "ทางเลือก" ที่ใช้บล็อกเชนแทนระบบการเงินแบบดั้งเดิม ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่ยังไม่มีจุดสิ้นสุด ในขณะที่ธนาคารเสนออัตราดอกเบี้นเงินกู้แก่ธุรกิจขนาดเล็กระหว่าง 5.75% ถึง 11.91% และโปรโตคอลเครดิตที่ใช้บล็อกเชนเสนออัตราดอกเบี้นเงินกู้อยู่ที่ 9.64%
โดย RWA.xyz เผยแพร่จำนวนสินเชื่อที่ใช้บล็อกเชนมูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ จากทั้งหมด 1,804 ข้อตกลง ซึ่งหมายความว่าเงินกู้โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านดอลลาร์ โดยหนึ่งในผู้ขอสินเชื่อที่โดดเด่นที่สุดในช่วงนี้คือ Fasanara Capital ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ในสหราชอาณาจักร ซึ่งกู้เงินจำนวน 38.3 ล้านดอลลาร์จาก Clearpool ที่ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 7% และธนาคาร Divibank ของบราซิลเป็นสถาบันการเงินอีกแห่งหนึ่งที่เข้าร่วมในตลาด
ใช้ประโยชน์จากบล็อกเชน
ผู้ให้กู้ผ่านคริปโทเผยว่าบริษัททำข้อตกลงและการชำระคืนอย่างโปร่งใส เนื่องจากบล็อกเชนเปิดให้มีการตรวจสอบจากสาธารณะ และซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า "สัญญาอัจฉริยะ" หรือ Smart Contract ที่สามารถตรวจสอบ และเรียกคืนสินเชื่อหรือหลักประกันได้โดยอัตโนมัติ
โดยการกู้ยืมจะต้องใช้ Tether (USDT), USD Coin (USDC) และ Dai (DAI) ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่ตรึงกับดอลลาร์ถูกใช้เป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักสามสกุลที่ใช้ในการกู้ยืมเหล่านี้
อากอสท์ มักซิน (Agost Makszin) ผู้ร่วมก่อตั้ง Lendary (Asia) Capital ซึ่งเป็นกลุ่มการจัดการการลงทุนทางเลือกกล่าวว่า "กลไกความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้นบนเครือข่ายช่วยลดความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ" สิ่งนี้จะส่งผลให้อัตราการกู้ยืมลดลงเมื่อเทียบกับสินเชื่อส่วนบุคคลแบบดั้งเดิม ซึ่งมักจะช้ากว่า และมีกระบวนการชำระบัญชีนานกว่า
Goldfinch และ Maple เป็นโปรโตคอลเครดิตบล็อกเชนที่ใหญ่เป็นอันดับสองและสาม โดยมียอดสินเชื่ออยู่ที่ 143 ล้านดอลลาร์ และ 103 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ และสัดส่วนผู้ขอสินเชื่อที่ใช้บล็อกเชนรายใหญ่ที่สุดมาจากกลุ่มผู้บริโภค (197.7 ล้านดอลลาร์) และภาคยานยนต์ (186.8 ล้านดอลลาร์) ตามมาด้วยฟินเทค อสังหาริมทรัพย์ คาร์บอนเครดิต และการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล
แม้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ตลาดสินเชื่อบล็อกเชนที่มีมูลค่าราว 506 ล้านดอลลาร์นั้น คิดเป็นขนาดประมาณ 0.3% ของขนาดของตลาดสินเชื่อเอกชนแบบดั้งเดิมทั้งหมดที่ตอนนี้มีมูลค่าราว 1.6 ล้านล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม การได้รับเงินกู้จากโปรโตคอลที่ใช้บล็อกเชนนั้นมาพร้อมกับความเสี่ยง ผู้ขอสินเชื่อควรชั่งน้ำหนักการล้มละลาย การค้ำประกัน สัญญาอัจฉริยะ และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอื่นๆ ก่อนกู้ยืม
ทั้งนี้อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังฟื้นตัวจากความวุ่นวายในปีที่แล้ว แต่ยังมีความเสี่ยงอื่น ๆ ที่ต้องคำนึงถึง เช่น บทบาทของคริปโทเคอร์เรนซีในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ทำให้มีผลกระทบต่อความมั่นใจของการเงินแบบดั้งเดิม เนื่องจากบล็อกเชนค่อนข้างใหม่ และซับซ้อน รวมทั้งอุปสรรคอีกประการหนึ่งคือ ตลาดการให้กู้ยืมคริปโทเคอร์เรนซีขาดระบบการจัดอันดับเครดิต ซึ่งแตกต่างจากการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งอาจทำให้ไม่เห็นความเสี่ยงที่แท้จริง
อ้างอิง Bloomberg cointelegraph
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์