เปิดไพ่ ‘กองทุนบิตคอยน์’ของ BlackRock พบถือหุ้นเหมืองขุดคริปโทเพียบ!
BlackRock ถือเป็นบริษัทที่ปลุกกระแส “กองทุนบิตคอยน์” หรือ Spot Bitcoin ETF ให้ตลาดคริปโทมีความหวัง เพราะถือว่าเป็นคลื่นลูกใหม่และเงินทุนมหาศาลที่จะเข้ามาผลักดันตลาดคริปโท หากมีความเป็นไปได้
ในขณะเดียวกัน BlackRock อาจต้องการสร้างระบบนิเวศน์คริปโทให้สมบูรณ์ หลังจากที่ถือหุ้นเหมือนขุดคริปโทนับ 10 แห่ง
BlackRock (NYSE: BLK) หนึ่งในบริษัทการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แสดงความสนใจในบิตคอยน์ Bitcoin (BTC) มาระยะหนึ่งแล้ว บริษัทกำลังพยายามที่ยื่นอนุมัติกองทุนบิตคอยน์ หรือ Bitcoin Spot ETF ที่ได้รับการอนุมัติจาก SEC ในสหรัฐ
เช่นเดียวกับการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน บริษัทขุด Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุด และหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับคริปโทอีกหลายตัว
BlackRock วางตำแหน่งตัวเองในระบบนิเวศตลาดคริปโทอันกว้างใหญ่นี้อย่างลึกซึ้ง ทั้ง BLK และ BTCมีความเชื่อมโยงต่อกัน
โดยสิ่งที่น่าสนใจคือ
BlackRock ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดห้าแห่งเมื่อพิจารณาจากมูลค่าราคาตลาดในหมวด 'Bitcoin'
โดย CompaniesMarketCap ได้จัดดัชนีจัดประเภทบริษัทเหล่านี้เป็น “บริษัทที่ถือ ขุด หรือรับ Bitcoin” พบว่า BlackRock ถือหุ้นของ 5 อันดับแรก ได้แก่
1.Tesla Inc. (NASDAQ: TSLA): ถือหุ้นอันดับ 2 จำนวน 186 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.87%
2.PayPal Holdings Inc. (NASDAQ: PYPL) ถือหุ้นอันดับ 2 จำนวน 71 ล้านหุ้น คิดเป็น 6.6507%
3.Block Inc. (NYSE:SQ) ถือหุ้นอันดับ 2 จำนวน 32ล้านหุ้น คิดเป็น 5.3611%
4.Coinbase Global Inc. (NASDAQ: COIN) ถือหุ้นอันดับ 4 จำนวน 8 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.4318%
5.Microstrategy Inc (NASDAQ: MSTR) ถือหุ้นอันดับ 3 จำนวน 9 แสนหุ้น คิดเป็น 5.7986%
Tesla และ Microstrategy ต่างเป็นเพียง Bitcoin 'HODLers' ถือครอง บิตคอยน์จำนวน 10,725 BTC (มูลค่า 278.85 ล้านดอลลาร์) และ 152,800 BTC (3.97 พันล้านดอลลาร์) ตามลำดับ
PayPal และ Coinbase เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคริปโท และการดูแล Block (เดิมชื่อ Square Inc.) กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติสัญชาติที่ก่อตั้งโดย Jack Dorsey และ Jim McKelvey โดยสร้างโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ท่ามกลางผลิตภัณฑ์อื่นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีรายงานว่า Coinbase และ Block ถือ Bitcoin ไว้ในงบดุลด้วย โดยถือครองกว่า 9,000 BTC (234 ล้านดอลลาร์) และ 8,027 BTC (108.7 ล้านดอลลาร์) ตามลำดับ
นักวิเคราะห์ในวงการคริปโทมองว่าการที่ Blackrock ยื่นขอการจัดตั้งกองทุนบิตคอยน์เป็นหนึ่งในการสร้างระบบนิเวศน์ของตลาดคริปโทให้มีความสมบูรณ์ เพื่อตลาดคริปโทจะต้องเติบโตสอดคล้องไปกับกองทุนบิตคอยน์สู่สภาพคล่องที่มากขึ้น และแนวโน้มของตลาดที่จะสามารตเติบโตได้ในอนาคต ซึ่งส่งผลกระทบทางอ้อมต่อมูลค่าบริษัทที่ BlackRock เข้าถือหุ้น