‘บิทคับ‘เล็งขยายทีม ตั้งรับคริปโท Bull Run สวนกระแสบริษัทเทคแห่ 'เลย์ออฟ'
‘บิทคับ‘เล็งขยายทีมเตรียม "ขันตักน้ำ" ตั้งรับคริปโท Bull Run 2024 สวนกระแสบริษัทเทคแห่ 'เลย์ออฟ' วางแผนเติบโตอย่างมั่นคง วางโรดแมป 6 เดือนแรก มุ่งเป้าเป็น”เอ็กซ์เชนจ์พร็อกซี” ศูนย์กลางของดิจิทัลแอสเสทในไทยเพื่อทุกคน เล็งขอทุกใบอนุญาตครบวงจร เล็ง IPO ใน 1-2 ปี
Keypoint:
- ปี 2567 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่งเลย์ออฟพนักงาน แต่ Bitkub หนึ่งในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ประกาศขยายทีม
- Bitkub วางแผนเติบโตอย่างมั่นคง วางโรดแมป 6 เดือนแรก พร้อมตั้ง KPI ของบริษัทลูก มุ่งเป้าเป็น”เอ็กซ์เชนจ์พร็อกซี”
- เตรียมขันตักน้ำ รับคริปโท Bull Run ที่กำลังจะเกิด Bitcoin Halving
ในปีที่ผ่านมาทุกตลาดการลงทุนมีความผันผวนจนสามารถเรียกได้ว่าเป็นตลาด “ขาลง” รวมถึงอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย แม้จะเลวร้ายแต่ยังมีด้านดีที่บิทคับเร่งวางแผนสำหรับการเตรียมขันตักน้ำในปี 2567 ที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ผู้เป็นมันสมองหลักของ “ Bitkub ” เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจ ถึงทิศทางขององค์กรในการเติบโตในปีนี้ว่า มุ่งเป้าเป็นหนึ่งในบริษัทที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย ที่จะพัฒนาองค์กรด้วยระบบสตาร์ทอัปแบบเดิมๆไม่ได้อีกต่อไป
ขยายทัพตั้งรับ Bull Run
เริ่มต้นปี 2567 ด้วยบริษัทเทคโนโลยียักใหญ๋เลย์ออฟพนักงานหลายตำแหน่ง ทั้ง อเมซอน (Amazon), เอสเอพี (SAP), ไมโครซอฟท์ (Microsoft ) หรือแม้แต่ เมตา(Meta) ด้วยปัญหาหลายด้าน ทั้งการเติบโตที่รวดเร็วของเทคโนโลยี และการเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI
สำหรับบิทคับ เคยเผชิญปัญหาที่บริษัทเติบโตรวดเร็วเกินไป เพียงเพราะต้องการ"ตักเม็ดเงิน" ในช่วงตลาดขาขึ้น จนต้องศูนย์เสียวัฒนธรรมองค์กร จนท้ายที่สุดจะต้องจัดระเบียบบริษัทใหม่ด้วยการลดจำนวนพนักงานลงในปี 2566
"สถานการ์แบบนี้เกิดขึ้นกับทุกบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วเกินไป เพราะไม่มีการเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งโครงสร้างองค์กร และการปรับตัวเข้ากับสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งโลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก " จิรายุส กล่าว
ทำให้ในปี 2567 นี้ บิทคับเตรียมเปิดรับพนักงานเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมรับกับสถานการณ์ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ทั่วโลกต่างจับตามองและคาดการณ์ว่าจะมีการเข้ามาลงทุนอย่างคึกคักมากขึ้นหรือที่เรียกว่า Bull Run
"ตามสถิติที่ผ่านมาที่มักจะเกิดขึ้นภายหลังปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงเมษายนปีนี้”
'เอ็กซ์เชนจ์พร็อกซี' หัวใจดิจิทัลแอสเสทในไทย
รวมทั้งมุ่งเป้าเป็น”เอ็กซ์เชนจ์พร็อกซี” ศูนย์กลางของดิจิทัลแอสเสทในไทยเพื่อทุกคน ดังนั้นบิทค้บจะต้องมีทุกใบอนุญาตในการทำธุรกิจในครบวงจรเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำ
และเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นสำหรับการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่เปิดรับ การยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัทฯ เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป หรือ IPO ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.
คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปีในการแต่งตัวเพื่อออกสู่ตลาด และไม่มีความกังวใดๆเพราะที่ผ่านมาบิทคับผ่านเกณฑ์กำไร เกณฑ์ทุนจดทะเบียน เกณฑ์การออดิทบัญชีชุดใหญ่มาโดยตลอด
วางโรดแมป 6 เดือน ลุยขอทุกไลเซนส์
ทำให้กลุ่มบริษัทย่อยของบิทคับทั้ง 5 แห่ง และบริษัทร่วมทุนอีก 2 แห่ง จะต้องมีโรดแมปและ KPI ดัชนีชี้วัดความสำเร็จของ 6 เดือนแรกในปี 2567 อย่างชัดเจนว่าจะเติบโตอย่างไร เพื่อเคลื่อนไหวตามตลาดที่กลับมาคึกคัก ถึงขั้นเตรียมจัดหาพื้นที่ในการขยายออฟฟิศเพื่อตอบรับพนักงาน
แน่นอนว่า องค์กรต้องการการเติบโตอย่างโดดเด่น แต่ในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมา บิทคับถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ยังมีอีกเป้าหมายคือ “การเติบโตแบบยั่งยืน “ในการเป็นที่พึ่งพาให้กับนักลงทุนและทุกคนในประเทศ ในฐานะผู้ที่มีความรู้ในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อาจทำให้บิทคับเติบโตในแง่ของรีเทิร์นที่ยั่งยืน
“จุดแข็ง”ของบิทคับ คือ ทีมงานที่แข็งแกร่ง มีความรู้ความสามารถในการสร้างเทคโนโลยีขึ้นมา และระยะเวลาที่เหมาะสมแก่การเติบโตไปพร้อมกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย
จิรายุส ทิ้งท้ายว่า “บิทคับใช้เวลาในช่วงตลาดขาลง ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงองค์กรให้ “สะอาด” เสมือนการปรับฐานครั้งใหญ่เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง” ทำให้การขยายธุรกิจในปีหน้าท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้นในตลาด ทำให้ความท้าทายที่ยากที่สุดคือการ “สู้กับตัวเอง” ในการผลักดันบริษัทไปสู่ดป้าหมายได้สำเร็จ
2 ปัจจัยส่งผลต่อตลาดคริปโท
พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่าปีหน้า จะมีปัจจัย Micro factors เป็นปีที่เกิดปรากฎการณ์ Bitcoin Halving ซึ่งก็คือ การที่รางวัลจากการขุด Bitcoin จะลดลงทุก ๆ 4 ปี โดยจะลดลง “ครึ่งหนึ่ง” ทุก ๆ 210,000 บล็อก แต่ละบล็อกจะถูกสร้างขึ้นทุก 10 นาที
รวมทั้งปัจจัย Macro factors ที่หลายแห่งมองแนวโน้มเดียวกันว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐในปี 2567 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการลงทุนทุกตลาด รวมถึงสินทรัพย์เสี่ยงด้วย