ตลาดคริปโทเข้าใกล้จุดเริ่มต้น Bitcoin Having เม.ษ.นี้ ช้อนซื้อตอนนี้ทันไหม?

ถ้าคุณเป็นคนนึงที่ไม่ยอมขาย หรือแม้กระทั่งซื้อ บิตคอยน์ ตอนที่ราคา 60,000 ดอลลาร์ หรือ ราวๆ 2 ล้านบาท หรือเข้าซื้อเหรียญคับคอยน์ KUB Coin ตอนที่ราคา 500 บาท ดังนั้นเราอาจจะไม่เข้าใจ"วัฎจักร" หรือ cycle ของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี(cryptocurrency)

วันนี้กรุงเทพธุรกิจชวนคุยถึงสภาพตลาด"คริปโท"ว่าตอนนี้ กำลังอยู่ในช่วงไหนของตลาดคริปโท และเข้าใจ "วัฎจักร" ของคริปโทอย่างแท้จริง ไปพร้อมกับบทวิเคราะห์โดย ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน  ผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษาของ ForwardX และ Forward Labs และอาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

"วัฎจักร" หรือ cycle ของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (cryptocurrency) นี้ กินระยะเวลา 4 ปี โดยในช่วง 1-1.5 ปีแรก จะเป็นช่วงตลาดพุ่ง หรือ "ขาขึ้น" หลังจากนั้นตลาดจะ crash  รุนแรงมาก หรือ  Market Crash คือ สภาวะตลาดตกฉับพลันและรุนแรง  และตลาดจะค่อยๆ ฟื้นตัวประมาณ 1 ปีก่อนครบ cycle อีกครั้ง

ข่าวดีตอนนี้ สำหรับนักลงทุน ตอนนี้เรากำลังจะเข้าสู่จุดเริ่มต้นของ cycle นี้อีกครั้ง ในเดือน เมษายนนี้ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 19 เม.ย.2567 ทำให้หลายๆคน คาดหมายว่าปีนี้ตลาดน่าจะวิ่งขึ้นรุนแรงอีกครั้ง จนอาจจะไปแตะ 1-2 แสนดอลลาร์

1. วัฏจักรของการ halving ควรซื้อและขายบิตคอยน์ ตอนไหน?

"สถิติ"ยังเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดในการคาดการณ์ราคาบิตคอยน์ ดันนั้น ภาพการณ์เคลื่อนไหวราคาบิตคอยน์ อิงตามข้อมูลสถิติ Bitcoin Having จุดเข้าซื้อที่ดีที่สุด คือ หนึ่งปีก่อนการ Having ซึ่งผ่านมาแล้ว

จุดนั้นก็คือประมาณเดือนพฤศจิกายนปี 2565 ที่ราคาบิตคอยน์ลงไป 16,000 ดอลลาร์ แล้วถ้าหากใครเข้าที่ซื้อในตอนนั้น แล้วถือมาจนตอนนี้ ที่ราคาอยู่ที่ระดับ 50,000 ดอลลาร์ เรียกได้ว่าสามารถทำกำไรและมีโอกาสขาดทุนถือว่าน้อยมาก

ยิ่งไปกว่านั้น หาก"สถิติ"เป็นจริงตามที่นักวิเคราะห์หลายคนมองไว้ Bitcoin Having ในครั้งนี้ จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ แต่ทว่า ราคาคงไม่ได้ดีดตัวแรงเหมือนครั้งก่อนๆ หากย้อนกลับไปดูในอดีต Bitcoin Having ครั้งที่ 1 ทำให้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นถึง 9,412% หนึ่งปีหลังหลัง Having  ส่วนการ Having ครั้งที่ 2 เพิ่มขึ้น 2,752% และครั้งที่ 3 เพิ่มขึ้น 685%

ข้อมูลทางสถิตินี้สะท้อนว่า การ Having ครั้งที่ 4 ผ่านไปหนึ่งปี ไม่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้ถึง 685% อาจจะมีการปรับขึ้นแค่ 200-300% ก็ได้

"เป้าเวลา" สำคัญกว่าเป้าราคา

ตรงนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้นักวิเคราะห์ กูรู ผู้เชี่ยวชาญในตลาด ต่างเอาข้อมูลไปคำนวน และคาดการณ์ราคาออกมาในช่วง 100,000 - 200,000 ดอลลาร์ ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ไม่ได้อยู่ที่ราคาว่าจะไปเท่าไหร่ แต่ควรจะดูช่วงเวลาก็คือก่อน Having หนึ่งปีและหลัง Having 1 ปี จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะเป้าเวลาน่าจะสำคัญกว่าเป้าราคา

ETFs กับการ halving

ดูเหมือนว่า ข่าวของการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF จากสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ออกมากระตุ้นเทรดเดอร์สายเลือดบล็อกเชนให้กัลมามีความหวังอีกครั้ง 

แต่ Spot Bitcoin ETF มีสัญญาณบวกมากกว่ากระตุ้นให้บรรยากาศการลงทุนคึกคัก เพราะ ETFs มีฟันด์โฟลว์ไหลเข้าติดต่อกัน 15 วัน สะท้อนได้ว่าเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ จากนักลงทุนในตลาดทุนดั้งเดิมไหลเข้ามาซื้อบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง หรือกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ซื้อบิตคอยน์โดยตรงไม่ได้ก็มาซื้อทางอ้อมผ่านกองทุน ETF แทน

สิ่งที่น่าสนใจคือ เงินใหม่ที่เข้าสู่ตลาดนี้ไม่ได้มาจากนักลงทุนฝั่งคริปโทฯ เพราะเขาสามารถซื้อโดยตรงในตลาดคงไม่มาซื้อผ่านกองทุน ETF อยู่แล้วเพราะต้นทุนค่าธรรมเนียมมันแพงกว่า

ยังไงสถาบันจะไม่ยอมให้บิตคอยน์หมดกระแส
 

นักลงทุนสถาบันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ถือบิตคอยน์มา่กสุดในโลกอย่าง MicroStrategy หรือพวกกองทุน ETFs เจ้าใหญ่ๆ อย่างเช่น Blackrock, Fiderlity มีการถือครองบิตคอยน์จำนวนมาก

แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางปล่อยให้วอลุ่มตลาดคริปโทตกต่ำ และหายไปอย่างแน่นอน แต่ฉลาดในการเลือก Narrative halving เป็นเทรนด์ใหญ่ที่เกี่ยวกับบิตคอยน์ ในการดันราคาหรือถล่มราคา