ราคาบิตคอยน์ ดิ่ง 18% จากยอดดอย ทำนักลงทุนพอร์ตแตก 650 ล้านดอลลาร์
นักลงทุนพอร์ตแตก 650 ล้านดอลลาร์ หลังนักลงทุนเทขายทำกำไรทุบ 'บิตคอยน์' ดิ่ง 18% จากยอดดอย 73,000 ดอลลาร์ ร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 63,000 ดอลลาร์ ในสัปดาห์เดียว
ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin: BTC) ร่วงลงมากกว่า 10,000 ดอลลาร์ หลังทะยานขึ้น 70% จากต้นปีถึงจุดสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจนทำราคานิวไฮใหม่ที่ 73,679 ดอลลาร์ ลงมาสู่ระดับต่ำสุดเมื่อวานนี้ที่ระดับ 61,500 ดอลล่าร์ หรือร่วงลงกว่า 18% ใน 1 สัปดาห์ ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวที่ 62,000 ดอลลาร์
Bitcoin เริ่มอ่อนแอลงตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว พบการเทขายเพื่อทำกำไร หลังจากราคา Bitcoin พุ่งขึ้น 70% แตะจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ข้อมูลจาก CryptoQuant แสดงให้เห็นว่ามีผู้ถือ Bitcoin ระยะสั้นจำนวนมากขาย Bitcoin ของพวกเขาเพื่อทำกำไรในวันที่ 12 มีนาคม
Bartosz Lipiński ซีอีโอของ Cube.Exchange ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของ Bitcoin ETF ที่มีต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยเขาคาดการณ์ว่า ETF จะดึง Bitcoin ออกจากตลาด ส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดลดลง เหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นบ่อยขึ้น และสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นในกลไกการกำหนดราคา Bitcoin
นักลงทุนอาจมองหาทางเลือกอื่น นอกเหนือจาก Bitcoin
นักลงทุนพอร์ตแตก 2.3 หมื่นล้านบาท
บิตคอยน์ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว เกิดขึ้นพร้อมกับการชำระบัญชี หรือนักลงทุนพอร์ตแตกเป็นมูลค่า 650 ล้านดอลลาร์ หรือราว 23,409,750,000 บาท ของตลาดฟิวเจอร์สคริปโท ซึ่งมีความผันผวนรุนแรง และส่งผลต่อราคา BTC ที่ลดลงอย่างรวดเร็วโดยมีสัดส่วนการชำระบัญชีฝั่ง long มีมูลค่า 515 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 80% ของการชำระบัญชีทั้งหมด
รวมทั้งมีทั้งอัลคอยน์อื่นๆและหุ้รที่เกี่ยวข้องกับคริปโทปรับตัวลดลงตามบิตคอยน์
- Ethereum (ETH) ร่วงลงมากกว่า 4% เคลื่อนไหวที่ 3,335.66 ดอลลาร์
- Solana (SOL) ร่วงลง 8%
- Dogecoin (DOGE) ร่วงลง 5%
- หุ้นที่เกี่ยวข้องกับคริปโท ได้แก่ MicroStrategy ลดลง 5% และ Coinbase ลดลง 4%
- หุ้นบริษัทขุด Bitcoin ร่วงลง ได้แก่ Riot Platforms ลดลง 3% Marathon Digital ลดลง 0.5%
เรียกได้ว่าในปีนี้ ราคาบิตคอยน์ฟื้นตัวได้จากความหวังและข่าวดีของตลาดคริปโทจากการเปิดตัวกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์สปอตที่ประสบความสําเร็จในสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งช่วงที่ ETF จะเปิดตัวโดยคาดว่าจะได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบ ในขณะเดียวกัน ความสนใจจากนักลงทุนและความต้องการบิตคอยน์ที่สูงขึ้นยังนําไปสู่เลเวอเรจที่เพิ่มขึ้นและความผันผวนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
อ้างอิง cnbc