SIRI จ่อออกหุ้นกู้ คาดเปิดจอง 21 – 23 ก.ย. นี้  เตรียมทุนรุกตลาดลักซ์ชัวรี 

นายวิชาญ  วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า  แสนสิริ ได้จับมือกับ 10 สถาบันการเงินชั้นนำที่ให้ความเชื่อมั่น ผนึกกำลังเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้แสนสิริ โดยหุ้นกู้ที่จะเสนอขายในครั้งนี้เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แบ่งเป็นหุ้นกู้ที่เสนอขายผ่านช่องทางปกติ จำนวน 2 ชุด และหุ้นกู้ดิจิทัลที่เสนอขายผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ บนแอปฯ เป๋าตังเท่านั้น จำนวน 1 ชุด

โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายผ่านช่องทางปกติ แบ่งเป็น หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่คาดว่าอยู่ในช่วง [3.85 - 3.90]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่คาดว่าอยู่ในช่วง [4.45 - 4.50]% ต่อปี ซึ่งจะจัดจำหน่ายผ่าน 9 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด

สำหรับหุ้นกู้ดิจิทัลชุดที่ 3 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่คาดว่าอยู่ในช่วง [4.15-4.20]% ต่อปี จัดจำหน่ายผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย เท่านั้น 

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนของหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุด จะประกาศให้ทราบภายหลัง โดยหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป โดยหุ้นกู้และบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่ (Stable)” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565 และคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 21 – 23 กันยายน นี้ จองซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท เพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของบริษัทที่จับต้องง่าย และเป็นแบรนด์ “ที่ทุกคนเข้าถึงได้” ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์เท่านั้น แสนสิริยังมองถึงความสำคัญในด้านการลงทุนที่ต้องเท่าเทียมและเข้าถึงได้ 

 

 

 

 

ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ เพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพด้านการบริหารต้นทุนทางการเงินและดอกเบี้ยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยวัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดและเป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับแผนรุกธุรกิจ “รับการเติบโตที่ก้าวกระโดดในปี 2566” ตอกย้ำความสำเร็จในการได้รับความเชื่อมั่นในการเป็น “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน”

โดยมีแผนสานต่อความสำเร็จจากปีนี้ หลังจากที่แสนสิริ ประสบความสำเร็จในการปิดการขาย โครงการบ้านเดี่ยวระดับบน “บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา” ระดับราคา 14.99 - 40 ล้านบาท Sold Out เฟสแรก ทันที! ในวันพรีเซลล์ รวมถึง นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ความภาคภูมิใจอันทรงคุณค่า หนึ่งใน Sansiri Luxury Collection ที่งดงามในทุกรายละเอียด สู่การรังสรรค์สถาปัตยกรรมการออกแบบ แรงบันดาลใจ จาก Renaissance Revival แห่งมหานครนิวยอร์ก เพียง 86 ยูนิต ระดับราคา 50 - 95 ล้านบาท ที่ใกล้ปิดการขายเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมองถึงการเตรียมลงทุนหนักในตลาดคอนโดมิเนียม เพื่อกลับมาเป็น “ผู้นำคอนโดมิเนียม” รับดีมานต์ลูกค้าไทยและต่างชาติ หลังเปิดประเทศเต็มตัวอีกด้วย

 

“แสนสิริประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในโครงการบ้านเดี่ยวระดับบนที่ลูกค้าเชื่อมั่นสูง จนสามารถปิดการขาย บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา เฟสแรก ทันที! ในวันพรีเซลล์ พร้อมจ่อคิวปิดการขาย โครงการ นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ระดับราคา 50 – 95 ล้านบาทเร็วๆ นี้ ตอกย้ำความเชื่อมั่นอันดับหนึ่งของ “ผู้นำตลาดลักซ์ซัวรี่” ส่งผลให้แสนสิริสร้างผลงานยอดขายล่าสุดทะลุ 30,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 90% จากเป้าหมายยอดขายรวม 35,000 ล้านบาทในขณะนี้ ล่าสุดแสนสิริจึงเดินหน้าระดมทุนผ่านหุ้นกู้เพื่อนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดและเตรียมรุกตลาดลักซ์ชัวรีเต็มสปีด ตามแผนการเปิดตัวโครงการในระดับลักซ์ชัวรี เพิ่มขึ้นในปี 2566 เพื่อรองรับดีมานด์และความเชื่อมั่นจากลูกค้า นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาแสนสิริยังประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำการระดมทุนรูปแบบใหม่ที่ทำให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการลงทุนได้ และยังยืนหนึ่งอสังหาริมทรัพย์เพียงรายเดียวในไทยขณะนี้ ที่มุ่งมั่นสนับสนุนให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการลงทุนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ด้วยกำหนดจองซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 บาทเท่านั้น รวมทั้งยังนับเป็นรายแรกของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียที่สร้างประวัติศาสตร์ “หุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริ” ที่มีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจจองซื้อผ่านแอปฯ เป๋าตัง ส่งผลให้ยอดจองซื้อเต็มมูลค่าเสนอขาย ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าหุ้นกู้ในชุดนี้ จะสามารถเข้าถึงนักลงทุนทุกคนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมและได้รับความสนใจจองซื้ออย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับที่ผ่านมา”