กูรูต่างชาติชี้ "อาคม" โลกสวย "ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย"
รมว.คลังไทยเผยกับซีเอ็นบีซี ไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดช่องว่างกับดอกเบี้ยสหรัฐ แต่นักเศรษฐศาสตร์บางรายไม่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว ชี้มองโลกในแง่ดีเกินไป
ตามที่ นายอาคม เติมพิทยาไพศิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีสัปดาห์ก่อนว่า ไทยยังมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ ตอนนี้จึงยังไม่กังวลมากเรื่องเงินทุนไหลออก
ซีเอ็นบีซี ระบุ เงินทุนไหลออกเกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนนำสินทรัพย์หรือเงินออกจากประเทศหนึ่งๆ เพื่อไปแสวงหาโอกาสดีกว่าที่อื่น เมื่อสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกิดความกังวลว่าอาจทำให้เงินทุนไหลออกจากบางประเทศ เพราะนักลงทุนต้องการได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในสหรัฐ
“หลายประเทศขึ้นอัตราดอกเบี้ยแค่ต้องการคุมไม่ให้ดอกเบี้ยเฟดกับอัตราดอกเบี้ยท้องถิ่นแตกต่างกันมากนัก แต่นั่นไม่ใช่กรณีประเทศไทย” รัฐมนตรีคลังไทยเผยกับรายการ“Street Signs Asia” ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี เมื่อวันพฤหัสบดี (8 ก.ย.) ตามเวลาสหรัฐ
“ผมคิดว่าเมื่อเราดูเงินทุนเข้าและออก เรายังมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ อย่างที่คุณเห็น ตลาดหุ้นเราแม้จะผันผวนมากในช่วงนี้ ผู้ซื้อต่างชาติก็ยังเป็นผู้ซื้อสุทธิสำหรับเงินทุนในประเทศไทย” นายอาคมย้ำ
อย่างไรก็ตามใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับเขา กาเรธ ลีเธอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแผนกเอเชียของบริษัทแคปิตอล อีโคโนมิกส์ กล่าวว่า
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจมองโลกในแง่ดีเกินไป เนื่องจากเงินบาทร่วงลง 12% จากจุดสูงสุดตลอดปีที่ผ่านมา และทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงอย่างรวดเร็ว
“ในแง่ของนโยบายการเงินธปท.กำลังเล่นเดิมพันอย่างแน่นอน เป็นความจริงที่ว่า มีหลายปัจจัยผลักดันเงินเฟ้อ อาหารและพลังงานให้อยู่ในซัพพลายไซด์ และนโยบายการเงินตึงตัวจะไม่ส่งผลโดยตรง แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มจาก 3.2% ในเดือน ม.ค. มาอยู่ที่ 7.9% ในตอนนี้ถือเป็นความเสี่ยง”
ทั้งนี้ เป้าหมายเงินเฟ้อของ ธปท.อยู่ที่ 1%-3% แต่เงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ส.ค.ทะลุ 7.86% ไปแล้ว เดือนดังกล่าวไทยขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5%อัตราดอกเบี้ยธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรอยู่ที่ 0.75% ครั้งสุดท้ายที่ ธปท.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายก็เมื่อเกือบสี่ปีก่อน เดือน ธ.ค.2561