ดอกเบี้ยสูง เงินเฟ้อพุ่ง ลงทุนหุ้นกลุ่มไหนช่วยได้บ้าง?
ในช่วงดอกเบี้ยโลกขาขึ้น เงินเฟ้อพุ่งสูง ถือเป็นความท้าทาย และส่งผลกระทบต่อการลงทุนไม่น้อย คำถามคือ เราจะเลือกลงทุนหุ้นกลุ่มไหนเพื่อไม่เป็นอันตรายต่อการลงทุน ติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย อย่างไรก็ดีจาก เงินเฟ้อ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง มูลค่าของเงินจะยังคงลดลงเรื่อยๆ ดังนั้น เรามองว่าการเลือกลงทุนในหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี รายได้และกำไรมั่นคง และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในระยะยาวอย่างหุ้นปันผล โดยเฉพาะหุ้นปันผลที่มีอัตราการเติบโตของการจ่ายปันผลสูง และมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ถือเป็นตัวเลือกการลงทุนที่ดีในสภาวะปัจจุบัน
ปัจจุบัน ทั่วโลกกำลังเผชิญ วิกฤติเงินเฟ้อ ที่อยู่ในระดับสูง จนทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกหันมาเข้มงวดนโยบายการเงินอย่างการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยเฉพาะธนาคารกลางสำคัญอย่าง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่มีการเร่งขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วทั้งหมด 6 ครั้งในปีนี้ โดยล่าสุดมีการขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 3.00-3.25% อีกทั้ง ยังคงมีแนวโน้มเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อที่จะจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงถึงราว 8%
การเข้มงวดนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อจัดการกับ ปัญหาเงินเฟ้อ นั้น ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะสำหรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนที่มีหุ้นกลุ่ม Growth Stock ในระดับสูง ในขณะที่เรายังคงมองว่าโอกาสการลงทุนในหุ้นยังมีความน่าสนใจ ดังนั้นเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน เรามองว่าการหันมาเพิ่มน้ำหนักหุ้นกลุ่มที่มีเงินปันผลสูง (High Dividend) และอัตราการเติบโตของเงินปันผลสูง (High Dividend Growth) จะช่วยให้ภาพรวมของพอร์ตของนักลงทุนหลายท่าน สามารถผ่านบรรยากาศการลงทุนที่มีความผันผวนสูงในช่วงนี้ไปได้ดีขึ้น
- ทำไมต้องลงทุนในหุ้น High Dividend และ High Dividend Growth
1. เป็นการลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี และได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ
การลงทุนในหุ้น นอกจากที่นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาแล้ว หากนักลงทุนเลือกลงทุนในบริษัทที่รายได้และกำไรเติบโตดี อีกหนึ่งสิ่งนักลงทุนจะได้รับจากการลงทุนก็คือ เงินปันผล
ดังนั้น สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่ผลตอบแทนค่อนข้างมั่นคงและผันผวนไม่มากนัก มักจะเลือกลงทุนในหุ้นปันผล เพราะส่วนมากจะเป็นบริษัทที่ปัจจัยพื้นฐานดี สะท้อนจากการที่สามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงและสม่ำเสมอ อีกทั้ง นักลงทุนยังรับผลตอบแทนสม่ำเสมอจากเงินปันผลอีกด้วย จากที่ถึงแม้จะเป็นช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว เราเชื่อว่าจะยังมีบริษัทอีกหลายแห่งที่สามารถจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น หรือยังคงสามารถรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลได้อีกด้วย
จากกราฟจะเห็นได้ว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง บริษัทใน S&P 500 ยังคงสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตราเพิ่มขึ้นได้ ขณะที่มีบริษัทลดการจ่ายเงินปันผลไม่มากนัก
ที่มา : DWS
2. ข้อมูลสถิติพบว่า หุ้น High Dividend และ High Dividend Growth ให้ผลตอบแทนทีดีกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในช่วงเงินเฟ้อสูง และดอกเบี้ยขาขึ้น
นอกจากหุ้น High Dividend และ High Dividend Growth จะเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีควรค่าแก่การลงทุนแล้ว จากการศึกษาของ Robert Shiller โดยใช้ข้อมูลในอดีตย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1970-2021 พบว่า ในช่วงที่ เงินเฟ้อ อยู่ในระดับสูง หุ้นกลุ่ม High Dividend และ High Dividend Growth ให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนี S&P 500 โดยในช่วงที่เงินเฟ้อสูงเกินกว่า 7% หุ้นกลุ่ม High Dividend และ High Dividend Growth ให้ผลตอบแทนสูงกว่า S&P 500 ถึง 7% และ 5% ตามลำดับ ซึ่งเรามองว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เงินเฟ้อทั่วโลกอยู่ในระดับสูงทั้งจากราคาอาหารและพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ที่มา : Robert Shiller, J.P.Morgan Asset Management as of 31 December 2021. Historic data from Bloomberg. Numbers above bars refer to average annual outperformance of each dividend factor.
อีกทั้งเราเชื่อว่าหลังจากนี้ Fed กำลังจะขึ้นดอกเบี้ยใกล้ระดับสูงสุดในช่วงต้นปี 2023 และ จะคงดอกเบี้ยไปอีกระยะ จากกราฟด้านล่างศึกษาข้อมูลตั้งแต่ปี 1973 ภายหลัง Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ยในแต่ละรอบ พบว่า ค่ากลางผลตอบแทนจากหุ้นกลุ่ม High Dividend และ High Dividend Growth ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีกว่า หุ้นในกลุ่มที่ไม่มีการจ่ายเงินปันผล หรือกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลลดลง
ที่มา: LGT
3. นอกจากนี้ในระยะยาวหุ้นกลุ่ม High Dividend และ High Dividend Growth ยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นโลก
นอกจากที่การลงทุนในหุ้น High Dividend และ High Dividend Growth และอัตราการเติบโตของเงินปันผลสูงจะตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เงินเฟ้ออยู่ระดับสูง และเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว ในการลงทุนหุ้น High Dividend Growth ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อีกทั้งยังมีความผันผวนต่ำอีกด้วย
จากกราฟ ได้ทำการเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างดัชนี MSCI ACWI High Dividend Yield Total Return ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้นปันผลสูง เทียบกับ ดัชนี MSCI ACWI Total Return ตัวแทนของหุ้นทั่วโลก นับตั้งแต่ 29 ก.ย. 2000 จนถึงปัจจุบัน (22 ก.ย. 2022) กลุ่มหุ้นปันผลสูง สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นทั่วโลก
ที่มา: Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 22 ก.ย. 2022
ในช่วงที่ เงินเฟ้อ อยู่ในระดับสูง และดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย อย่างไรก็ดี จากเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง มูลค่าของเงินจะยังคงลดลงเรื่อยๆ ดังนั้น เรามองว่าการเลือกลงทุนในหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี รายได้และกำไรมั่นคง และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในระยะยาวอย่างหุ้นปันผล โดยเฉพาะหุ้นปันผลที่มีอัตราการเติบโตของการจ่ายปันผลสูง และมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ถือเป็นตัวเลือกการลงทุนที่ดีในสภาวะปัจจุบัน
ที่มา : Bloomberg, LGT, J.P. Morgan Asset Management, Morgan Stanley
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds