"ซาบีน่า" กับ "ความยั่งยืน" กลยุทธ์ช่วยธุรกิจส่งออก ฝ่าวิกฤติเงินบาทแข็งค่า
"ซาบีน่า" เผย ESG หนึ่งในกลยุทธ์ของธุรกิจ จากโครงการ 5 ส. หรือ 5S พัฒนาพนักงาน-โรงงานเพื่อช่วย "ลดต้นทุน" จากการส่งออกสินค้าช่วงวิกฤติเงินบาทแข็งค่าในอดีต ซึ่งภาคการตลาดเป็นตัวกระตุ้นให้หลักการ ESG เกิดขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พร้อมสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” กล่าวในงาน Sustainability Expo 2022 ว่า ภาคการตลาดเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้หลักการ ESG เกิดขึ้น ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จากที่ผ่านมาองค์กรมีหน้าที่ในการทำกำไรให้บริษัท ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง สุดท้ายสิ่งที่ต้องอยู่รอดในสังคมคือธรรมชาติที่เป็นความยั่งยืน มากกว่าเป็นองค์กรที่สร้างมลพิษต่างๆในสังคม
ย้อนกลับไปเมื่อ 10-20 ปีก่อน ในวันเกิดภาวะเงินบาทแข็งค่า พร้อมกับโรงงานมีการทำ OEM จำนวนมาก สำหรับส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศชั้นนำหลายๆแห่ง เช่น ยูเครน ทำให้มาร์จิ้นของบริษัทปรับตัวลดลงมาก ซึ่งทำให้บริษัทตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตรึงเครียด จึงหาทางออกในการลดต้นทุนภายในบริษัท
อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถช่วยลดต้นทุนให้บริษัทอย่างเห็นได้ชัดคือการทำ ESG ในโครงการ 5 ส. หรือ 5S คือเครื่องมือสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประกอบไปด้วย สะสาง-สะดวก-สะอาด-สุขลักษณะ-สร้างนิสัยและหลังจากที่บริษัททำได้สำเร็จ ด้วยการที่พนักงานกว่า 3,000 คน ในทุกสาขาการผลิตเข้าใจและปฎิบัติตาม 5 ส.ทั้งในโรงงานผลิตและที่บ้าน ทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนและเห็นตัวเลขกลอสมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"แม้ว่าในช่วงแรกที่ทำธุรกิจมองว่าการทำ CSR ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน ESG คือการทำบุญ ปลูกป่า และถ่ายรูปที่ใครๆก็ทำกัน แต่มันไม่ถึงแก่นของคำว่า ESG อย่างแท้จริง"
ในคราวเกิดสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ทำให้บริษัทเริ่มตระหนักถึงกระบวนการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับองค์กรของซาบีน่าว่า ผ้า การปล่อยน้ำเสียจากกระบวนการผลิต ชุดชั้นในที่ใช้แล้วจะถูกเก็บไว้ที่ไหน ทำให้เราเริ่มหาทางออกที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าจริงๆ
ในปัจจุบัน ซาบีน่ามีการผลิตต่อเดือนอยู่ที่ 1 ล้าน 6 แสนชิ้น ที่ถูกส่งไปขายทั่วประเทศ ทำให้บริษัทมีโปรเจกต์ “New Life BRA CYCLE โละแล้วไปไหน”เพื่อหาทางออกให้กับชุดชั้นในเก่าหรือกางเกงในที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งใน 13 โปรเจกต์และ 1 มูลนิธิที่สนับสนุนความยั่งยืนของซาบีน่า
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่สามารถทำคนเดียวได้ทั้งกระบวนการ ทำให้เราร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX และบริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด เข้ามาช่วยให้โปรเจกต์ ESG เป็นไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่งถ้าตลาดไม่ออกมาบอกว่าอยากให้มี ESG ในหัวใจ บริษัทต่างๆจะไม่ตอบรับร่วมสร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน
รวมทั้งอีกหลายๆโครงการที่ซาบีน่าสร้างขึ้นเพื่อสร้างความยั่งยืนในสังคมและชุมชน เช่นการสร้างมูลนิธิที่ปัจจุบันดูแลเด็กๆกว่า 45 คนจนสามารถศึกษาจบชั้นมหาวิทยาลัย โดยที่ไม่ได้มีข้อตกลงว่าจะต้องกลับมาร่วมงานกับทางซาบีน่า