เปิด 5 อันดับ ‘กองทุนทองคำ‘ผลตอบแทนสูงสุด พร้อมสู้เศรษฐกิจถดถอยที่รออยู่
ป้องกันพอร์ตลงทุนอย่างไรรับมือภาวะถดถอย รออยู่ในปีหน้า “ทองคำ” ยังเป็นหลุมหลบภัย ที่จะกลับโดดเด่น เป็นกระแสกลับมาสะสมอีกครั้ง สำรวจกองทุนคำ ยังเขียว“ SCBGOLDE”ผลตอบแทนนำโด่ง 3.57% ด้าน “วายแอลจี” ชี้ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกเริ่มกลับมาเป็นทิศทางขาขึ้น
สารพัดปัจจัยลบ!!ที่รออยู่ในปี 2566 หนีไม่พ้นเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว และความเสี่ยงเศรษฐกิจหลักของโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย แน่นอนว่าการลงทุนที่พอจะรับมือกับ ภาวะถดถอย ได้คงต้องพึ่ง "สินทรัพย์ปลอดภัย" อย่าง "ทองคำ" เป็นเกาะป้องกันให้กับพอร์ตลงทุน
กองทุนทองคำ ที่มีผลตอบสุงสุด 5 อันดับ
ลองมาดูกันหน่อยว่า ตอนนี้ "กองทุนทองคำ" ให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไรกันบ้าง รายงานจาก "มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช(ประเทศไทย)" ณ 9 ธ.ค.2565 (YTD) พบว่า กองทุนทองคำ ที่มีผลตอบสุงสุด 5 อันดับ ดังนี้
1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) : SCBGOLDE ผลตอบแทน 3.57%
2.กองทุนเปิดบีแคป โกลด์ : BCAP-GOLD ผลตอบแทน 3.13%
3.กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ : BGOLDRMF ผลตอบแทน 2.63%
4.กองทุนเปิดกรุงศรีโกลด์ : KF-GOLD ผลตอบแทน 2.49%
5.กองทุนเปิดธนชาตทองคำแท่งเพื่อการเลี้ยงชีพ-UH : TGOLDRMF-UH ผลตอบแทน 2.37%
แน่นอนว่า "กองทุนทองคำ" คนที่มีเงินน้อยหน่อย ก็สามารถแบ่งซื้อได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อแต่ละครั้ง ไม่ต้องซื้อทองคำครั้งละ 1 บาท เพราะซื้อได้ต่ำสุดครั้งละ 1,000 บาทแบ่งซื้อขายได้เป็นหน่วยเล็ก ๆ ได้เหมือนกัน
แนวโน้มราคาทองคำหลังจากนี้ จะเป็นอย่างไร น่าสนใจหรือไม่นั้น
"ฐิภา นววัฒนทรัพย์" ประธานเจ้าหน้าทีบริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) มองว่า ราคาทองคำในตลาดโลกเริ่มกลับมาเป็นทิศทางขาขึ้น หลังจากที่เคลื่อนไหวแกว่งตัวลงในช่วงก่อนหน้าโดยในเดือน ธ.ค.นี้ ได้มีการพลิกเทรนด์มาสู่สัญญาณขาขึ้น ราคาทองคำได้ขึ้นไปทะลุ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไร
3 ปัจจัยการปรับขึ้นของทองคำในรอบนี้ ดังนี้
1. การประกาศสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในการประชุมช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ลดลงจากครั้งก่อนที่ปรับขึ้น 0.75%
นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่คาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้อาจจะได้เห็นเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรที่แบกรับมากขึ้น
2 . ธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มสะสมทองคำ ล่าสุด สภาทองคำโลก (World Gold Council) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางทั่วโลกถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเกือบ 400 ตันในไตรมาสที่ 3 หรือเพิ่มขึ้น 115% จากไตรมาสก่อน ถือเป็นการเข้าซื้อภายในไตรมาสเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่สภาทองคำโลก มีการเริ่มบันทึกของมูลในปี 2543 และเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากสถิติก่อนหน้าที่ 241 ตันในไตรมาสที่ 3 ปี 2562 นอกจากนี้ ยังถือเป็นการซื้อสุทธิเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน และทำให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ธนาคารกลางถือครองทองคำเพิ่ม 673 ตัน ซึ่งสูงกว่ายอดรวมทั้งปีของปีอื่นๆ นับตั้งแต่ปี 2510
3 . "ทองคำ"ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถว่าทรงตัวได้ดีในช่วงก่อนหน้านี้ที่เป็นช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยมูลค่าทองคำปรับปรับลดลงเพียง 3.9% ในขณะที่สินทรัพย์อื่นๆ เช่นหุ้น และสินทรัพย์ดิจิทัล ปรับลดลงในสัดส่วนที่มากกว่า
ดังนั้นในอนาคตหากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุดลง จึงมีความเป็นไปได้ที่ทองคำจะกลับมาเป็นขาขึ้นตามที่ตลาดคาด
ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะสั้น แม้ทิศทางทองเป็นบวก อย่างไรก็ดี ในช่วงเดือนพ.ย. ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก จึงต้องระวังการพักตัวเพื่อสะสมกำลังเป็นระยะ
โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวในระยะสั้นบริเวณ 1,810-1,766 ขณะที่ราคาทองคำในประเทศมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 29,100-29,900 บาท
ที่สำคัญคือจะมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อและการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในสัปดาห์หน้า จึงต้องเน้นทำกำไรในระยะสั้น พร้อมติดตามข่าวสารประกอบการลงทุนอย่างใกล้ชิด