โอกาสการลงทุนท่ามกลางความผันผวนของโลก

 โอกาสการลงทุนท่ามกลางความผันผวนของโลก

ในปี 2022 ที่กำลังจะผ่านไปถือว่าเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมากต่อการลงทุน ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงติดต่อกัน

จากเดิมที่ต้นปี 2022 สหรัฐมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0% ซึ่งภายหลังมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 4.25-4.5% นับว่าเป็นระดับอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดในรอบ 15 ปี และเพื่อเป็นการต่อสู้กับเงินเฟ้อ

ทำให้อาจจะไม่มีการลดดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2024 ซึ่งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปล่าสุดของสหรัฐเดือนพ.ย.อยู่ที่ 7.1% จากระดับอัตราเงินเฟ้อดังกล่าว แม้จะเป็นการปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา แต่ FED ก็ยังมองว่ายังเป็นระดับเงินเฟ้อที่สูง จึงต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไปจนกว่าระดับเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% นอกจากนี้ ในการประชุมยังมีการปรับเป้าการเติบโตของ GDP สำหรับปี 2023 ลดลงจาก 1.2% เหลือ 0.5% อีกด้วย

แม้ FED จะมองว่าปี 2023 เศรษฐกิจของสหรัฐยังไม่อยู่ในภาวะถดถอย แต่ในภาคธุรกิจยังมี ความเสี่ยงที่เห็นได้ชัดเจนว่า ดัชนี PMI ยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับเดือนธ.ค.ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคการบริการเบื้องต้นปรับตัวลดลงสู่ระดับ 44.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนจากระดับ 46.4 ในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว และหดตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน

ในด้านเศรษฐกิจยุโรปก็ไม่ได้แตกต่างจากสหรัฐที่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ล่าสุด ECB ปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.5% และมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงมากกว่าสหรัฐด้วยซ้ำ จากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่า (ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.อยู่ที่ 10%) และปัญหาการขาดแคลนพลังงานที่เพิ่มเข้ามา

โดย ECB คาดการณ์ว่า GDP น่าจะหดตัวในไตรมาส 4ปี 2022 และไตรมาส1ปี 2023 และสำหรับทั้งปี 2023 อาจจะขยายตัวได้เพียง 0.5% สำหรับภาคธุรกิจในยุโรป ดัชนี PMI ก็ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเดือนธ.ค.PMI อยู่ที่ 47.8 จุด ถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับ 50 จุด นานกว่า 10 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่ลดลงเป็นเดือนที่ 6 ตามความต้องการของลูกค้าที่ลดลง

ในทำนองเดียวกัน เศรษฐกิจประเทศจีนก็มีแนวโน้มชะลอตัวจากภาคอสังหาริมทรัพย์ และความไม่แน่นอนหลังการผ่อนคลายมาตรการ Zero-covid ซึ่งแม้ว่าแนวโน้มการเปิดประเทศของจีนในไตรมาส 2 ปี 2023 แต่ก็ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ในจีน เนื่องจากยังมีความเป็นไปได้ที่จีนจะยังเผชิญการแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่

แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงมีความเสี่ยงในเรื่องของเศรษฐกิจถดถอย แต่ภาพรวมการลงทุนในช่วงต้นปี 2023 สำหรับประเทศไทยยังคงเป็นที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในหลาย ๆ ประเทศ เนื่องจากประเทศไทยยังคงมีแรงสนับสนุนจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาวะเงินเฟ้อของไทยที่อยู่ระดับดีกว่าหลายประเทศ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 5.5% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 5.98% ทำให้ กนง. ไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงมากนัก อีกทั้งเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง

 โดยในปี 2022 ธนาคารแห่งประเทศไทย คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.2% และสำหรับปี 2023 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.7% ซึ่งเป็นการเติบโตสวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอลง จากปัจจัยเรื่องการท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องแม้จะยังไม่มีนักท่องเที่ยวจากจีนก็ตาม ซึ่งถ้าหากจีนเปิดประเทศได้เร็วขึ้น ก็จะส่งผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจและภาคการบริโภคของไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ค่าเงินบาทของไทยมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหลังจาก FED ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย 

ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลง ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เมื่อผนวกกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังดูดี น่าจะส่งผลให้มีโอกาสที่เม็ดเงินจากต่างประเทศจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกอาจได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท และจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐและยุโรปเช่นกัน

กล่าวโดยสรุปคือ โลกมีโอกาสเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวลงของประเทศที่เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยซึ่งเป็น Emerging Market ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ดังนั้น จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยในไตรมาสแรกของปี 2023 ที่กำลังจะถึงนี้ น่าจะยังคงสดใสสอดคล้องไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การลงทุนท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีความผันผวนเช่นนี้ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐาน และการตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงทั้งภายนอกและภายในประเทศอยู่เสมอ