คลังปรับแผนบริหารหนี้ปี 66 นับเพิ่มค้ำหนี้กองทุนน้ำมันอีก 8 หมื่นล้าน
บอร์ดบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง เห็นชอบปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะ ครั้งที่ 1 ปีงบ 2566 โดยเพิ่มวงเงินค้ำประกันการกู้เงินให้แก่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีก 8 หมื่นล้านบาท ทำให้คาดการณ์หนี้สาธารณะต่อจีดีพีในปีงบ 2566 เพิ่มขึ้นจาก 60.43% เป็น 61.42%
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ได้เห็นชอบการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะปีงบประมาณ 2566 ครั้งที่ 1 โดยสาระสำคัญได้มีการเพิ่มกรอบวงเงินค้ำประกันเงินกู้ให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีก 8 หมื่นล้านบาท เข้าไปอยู่ในแผนบริหารหนี้สาธารณะ เมื่อรวมกับก่อนหน้านี้ที่ค้ำประกันไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท เท่ากับว่า คลังจะค้ำประกันรวมให้เป็น 1.1 แสนล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2566 มีสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นจาก 60.43% เป็น 61.42% แต่ยังเป็นไปตามกรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่กำหนดไว้ไม่เกิน 70% ซึ่งในเร็วๆนี้ จะเสนอให้ ครม.เห็นชอบแผนต่อไป
“เดิม ครม.อนุมัติให้กระทรวงการคลังเข้าไปค้ำประกันช่วยกองทุนน้ำมันได้สูงสุด 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งทางกระทรวงพลังงาน อยากให้คลังเข้าไปช่วยค้ำให้ทั้งหมด แต่เราก็มองว่าก่อนหน้านี้ค้ำให้แล้ว 3 หมื่นล้านบาท การเข้าไปช่วยค้ำเพิ่มอีก 8 หมื่นล้านบาท น่าจะเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องค้ำให้ครบ เพราะขณะนี้สถานการณ์ราคาพลังงานก็เริ่มคลี่คลาย ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง ขณะเดียวกัน ทางกองทุนน้ำมันเอง ก็จัดเก็บรายได้เข้ามาเพิ่มสภาพคล่องได้บ้างแล้ว อย่างไรก็ดี ในอนาคตหากมีความจำเป็น คลังก็สามารถทบทวนปรับแผนบริหารหนี้เข้าไปช่วยค้ำเพิ่มได้”
ส่วนรายละเอียดแผนบริหารหนี้สาธารณะในด้านอื่นนั้น ไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร โดยการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลปีงบประมาณ 2566 วงเงิน 6.95 แสนล้านบาท ยังคงไว้เท่าเดิม เนื่องจาก สถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง อีกทั้งคลังยังสามารถจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่ปีนี้น่าจะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยไม่น่าจะต่ำกว่า 20 ล้านคน
สำหรับการพิจารณาการขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท ที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 ม.ค.นี้ ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ยังตอบไม่ได้ว่า จะต่ออายุหรือไม่ ซึ่งต้องดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แม้ภาพรวมราคาน้ำมันตลาดโลกจะลดลง แต่จะต้องดูราคาดีเซลที่อ้างอิงราคาจากตลาดสิงคโปร์เป็นส่วนประกอบด้วย
ส่วนการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 จัดเก็บรายได้สุทธิ 4.24, แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 5.54 พันล้านบาท หรือ 15% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.5% โดยการจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ มาจากรายได้พิเศษจากการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน รายได้จาก สัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และรายได้จากการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่วิทยุระบบเอฟเอ็ม
นอกจากนี้ มีการนำส่งรายได้เหลื่อมจากปีงบประมาณก่อนหน้าของรัฐวิสาหกิจ ขณะที่ กรมสรรพากร จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ กรมศุลกากร มีการชำระอากรขาเข้าย้อนหลัง ตามคำพิพากษาคดี แต่การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตยังต่ำกว่าประมาณการจากการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์