กรุงไทย ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ - เงินฝาก เงินกู้ขึ้น 0.15 - 0.20%
ธนาคารกรุงไทย ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย 0.10%ต่อปี ดอกเบี้ยเงินกู้รายใหญ่ ปรับขึ้น 0.15% - 0.20%ต่อปี พร้อมปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.25% ต่อปี มีผล 1 ก.พ.นี้
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% และได้ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง ที่สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของประเทศนั้น ธนาคารจึงมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สะท้อนทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศ และต้นทุนการเงินในระบบที่เพิ่มสูงขึ้น
โดยได้พิจารณาอย่างรอบคอบ และให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ฝากเงิน และกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่กลับมาปกติ มีภาระหนี้สูง และอ่อนไหวต่อภาระค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น โดยมีนโยบายปรับอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างเหมาะสม เพื่อให้เวลาลูกค้าปรับตัว และสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ
ธนาคารประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.05% - 0.25% ต่อปี เพื่อส่งเสริมการออม สร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ให้ผู้ฝากเงินมีรายได้เพิ่มขึ้นในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น และปรับอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เพิ่มขึ้น 0.20% ต่อปี เป็น 6.35% ต่อปี
และปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) เพิ่มขึ้น 0.15% ต่อปี เป็น 6.87% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย (MRR) 0.10% ต่อปี เป็น 6.87%ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ธนาคารยืนหยัดดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดพร้อมสนับสนุนให้เกิดการเร่งปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
รองรับการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ จากปัจจัยความท้าทายรอบด้าน เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนผ่านมาตรการความช่วยเหลือแบบเฉพาะกลุ่มเพื่อให้ลูกค้าได้รับความช่วยเหลือแบบตรงจุด และทันท่วงที และมาตรการช่วยเหลือพิเศษเพื่อแก้หนี้อย่างยั่งยืน
สำหรับลูกค้าประเภทบุคคล และลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ ผ่านเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย ทั้งลดอัตราดอกเบี้ย ลดค่างวดการชำระหนี้แบบ Step Up พักชำระเงินต้น และชำระเฉพาะดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาชำระหนี้เปลี่ยนประเภทหนี้ วงเงินกู้หมุนเวียน (Revolving Loan) เป็นวงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา (Term Loan) ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการเพิ่มสภาพคล่อง เป็นต้น
โดยการพิจารณาลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด โดยธนาคารจะเสนอแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ และความเสี่ยงของลูกค้า
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์