NOBLE พร้อมขายหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 3 ปี ชูดอกเบี้ย 4.60 - 4.80% คาดเปิดจอง 3 - 5 เม.ย. นี้
โนเบิล เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง 4.60 - 4.80% ต่อปี คาดเสนอขายระหว่าง 3 - 5 เม.ย. นี้ โดยจะนำเงินที่ได้ไปคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหรือ NOBLE เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นข้อมูลเพื่อเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) โดยเป็นการออก และเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง 4.60-4.80% ต่อปี โดยบริษัท จะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนให้ทราบอีกครั้ง จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณทุกๆ 100,000 บาท คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 3-5 เมษายน 2566
โดยวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อนำเงินที่ได้ไปคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนเมษายน และตุลาคม 2566 จำนวน 1,732.50 ล้านบาท และ 700.00 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนที่เหลือเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้บริษัท และหุ้นกู้ที่ออกในครั้งนี้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ระดับ “BBB” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” ซึ่งถือเป็นระดับ Investment grade หรือเรียกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้
ในส่วนของผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของ ปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัท มีรายได้รวม 4,733 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 117 ล้านบาท และมียอดขาย (Pre-sale) สำหรับปี 2565 อยู่ที่ 17,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% จาก สิ้นปี 2564 นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดทุบสถิตินับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
นอกจากนี้บริษัท ได้มีการเปิดโครงการใหม่ในปี 2565 จำนวน 11 โครงการ มูลค่ารวม 31,550 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ นิว ดิสทริค อาร์9 (Nue District R9), โครงการ นิว เมกา พลัส บางนา (Nue Mega Plus Bangna), โครงการ นิว อีโว อารีย์ (Nue Evo Ari) และโครงการ นิว ครอส คูคต สเตชั่น (Nue Cross Khu Khot Station) ที่สะท้อนให้เห็นได้จากยอดขายเฉลี่ยสูงถึง 60%-70% ของแต่ละโครงการ ส่งผลให้บริษัท มียอดขายรอรับรู้รายได้ หรือ Backlog ณ สิ้นปี 2565 ในมือรวมมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจากยอดขายรอโอนในมือของบริษัท ทำให้บริษัท เชื่อมั่นว่าในปี 2566 จะสามารถสร้างรายได้เติบโตมากกว่าปี 2565
สำหรับในปี 2566 บริษัท ตั้งเป้ารับรู้รายได้รวมทั้งปีที่ 15,000 ล้านบาท โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 23,300 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ที่ดินเปล่า และคอนโดมิเนียม โดยกระจายทำเลให้หลากหลาย และครอบคลุมทุกทิศของกรุงเทพฯ เช่น แถบกรุงเทพฯ ตะวันตก และตะวันออก เป็นต้น รวมถึงทำเลกลางใจกลางเมือง อาทิ ถนนวิทยุ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์