กองทุนประกันสุขภาพจีน จ่อขายทิ้งหุ้นกู้ LGFVs และอสังหาฯ พิษหนี้ท้องถิ่น
“แหล่งข่าววงในบลูมเบิร์ก” เผยผู้จัดการกองทุนประกันสุขภาพจีนจ่อขายหุ้นกู้เสี่ยงจากการที่รัฐบาลท้องถิ่นจีน “ที่ใช้วิธีจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อออกหุ้นกู้” หรือ LGFVs และหุ้นกู้ของบรรดาผู้พัฒนาอสังหาฯ เหตุหวั่นเอกชนผิดนัดชำระ เพราะไร้ความสามารถไถ่ถอน
Key Points
- "ผู้จัดการกองทุนประกันสุขภาพจีน" จ่อขายหุ้นกู้เสี่ยงจากการที่รัฐบาลท้องถิ่นจีนใช้วิธีจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อออกหุ้นกู้ หรือ LGFVs และหุ้นกู้ของบรรดาผู้พัฒนาอสังหาฯ
- รัฐบาลท้องถิ่นจีนเผชิญหนี้สินรวมกว่า 760 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเป็นหนี้ที่ไม่ระบุในงบดุล (Balance Sheet) จาก LGFVs
- ณ สิ้นปี 2564 สถาบันมีเงินภายใต้การบริหารมากกว่า 3 ล้านล้านหยวน หรือราว 4.2 แสนล้านดอลลาร์
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ (13 ก.ค.) ว่า “กองทุนประกันสุขภาพแห่งชาติจีน” ออกมาเตือน เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านหนี้สินที่บรรดาผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เผชิญ รวมทั้งภาระหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น โดยหากอ้างอิงตามตัวเลขล่าสุดที่สามารถรวบรวมได้ ขณะนี้กองทุนประกันสังคมแห่งชาติ มีสินทรัพย์อยู่ในการดูแลประมาณ 4.17 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 137.61 แสนล้านบาท)
ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการกองทุนฯ แนะนำให้ผู้จัดการกองทุนของตัวเอง ขายพันธบัตรบางส่วน รวมถึงสินทรัพย์จากการที่รัฐบาลท้องถิ่นจีนใช้วิธีจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อออกหุ้นกู้ หรือ Local Government Financing Vehicles (LGFVs) ซึ่งมีความเสี่ยงสูง รวมถึงหุ้นกู้จากบรรดาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ที่สำคัญ แหล่งข่าวจำนวนหนึ่ง กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ต้องจับตาหุ้นกู้จาก LGFVs ในเมืองเทียนจิน ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือติดกับปักกิ่ง หลายตัวที่ดูว่าอาจจะมีปัญหาและอยู่ในลิสต์ที่คณะกรรมการฯ ให้ขายออก”
ทั้งนี้ การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ (Debt Rout) ของ Sino-Ocean Group Holding Ltd. ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สัญชาติจีนล่าสุดส่งผลให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้บริหารกองทุนบำเหน็จบำนาญ เนื่องจากมีสัดส่วนถือครองจำนวนมากในบริษัทดังกล่าว ดังนั้นผู้บริหารกองทุนฯ จึงร้องขอให้ตรวจสอบความเสี่ยงต่อหุ้นกู้ที่มาจาก LGFVs และบรรดาบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพอร์ต หากราคาพันธบัตรที่เกี่ยวข้องต่ำกว่า 95% ของมูลค่าที่ตรา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว เน้นย้ำ ถึงความยากลำบากที่รัฐบาลจีนเผชิญอยู่ เนื่องจากพวกเขาพยายามกลบเกลื่อนความเสี่ยงในตลาดสินเชื่อโดยไม่ทำให้ระบบการเงินสั่นคลอน แม้การออก “พันธบัตรด้อยคุณภาพ” อาจช่วยปกป้องมูลค่าของการลงทุนให้เงินบำนาญของรัฐได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเพิ่มความกังวลของตลาดเกี่ยวกับคุณภาพของสินทรัพย์จาก LGFVs และบรรดาผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ท่ามกลางช่วงเวลาที่ปักกิ่งพยายามฟื้นฟูความในฐานะมหาอำนาจอันดับ 2 ทางเศรษฐกิจ
ด้าน ผู้แทนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญของรัฐ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ทว่าถ้าหากอ้างอิงตามรายงานการเงินล่าสุด ณ สิ้นปี 2564 สถาบันมีเงินภายใต้การบริหารมากกว่า 3 ล้านล้านหยวนหรือราว 4.2 แสนล้านดอลลาร์
“ตัวแปรที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในอีกสองปีข้างหน้า คือความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น และแนวทางของปักกิ่งต่อบทบาทของการลงทุนของรัฐบาลท้องถิ่นในเศรษฐกิจของจีนในอนาคต” นักวิจัยของโรเดียม กรุ๊ป (Rhodium Group) ระบุในรายงานล่าสุด
พร้อมเสริมว่า “การล่มสลายของการลงทุนของรัฐบาลท้องถิ่นเปรียบได้กับผลกระทบทางเศรษฐกิจของวิกฤติในตลาดอสังหาริมทรัพย์”
ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแบบชะลอตัวและวิกฤติในภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของจีนสร้างความกังวลเกี่ยวกับหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงหนี้จำนวน 9 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ถือครองผ่าน LGFVs ซึ่งเป็นวิสาหกิจนอกงบดุลที่ได้รับมอบหมายให้สร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โดยปี 2565 เมืองเทียนจินเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุด เพราะมีหนี้เกือบ 3 เท่าของรายได้ ตามการคำนวณจากข้อมูลที่สามารถรวบรวมได้จากทางการจีนของบลูมเบิร์ก
นอกจากนี้ อีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่า นักลงทุนระมัดระวังความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้จากภาคส่วนดังกล่าวคือ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ อายุเฉลี่ยของหุ้นกู้จาก LGFVs ที่ออกใหม่ลดลงเหลือ 2.51 ปี ซึ่งสั้นที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 เป็นอย่างน้อยตามข้อมูลที่บลูมเบิร์กสามารถรวบรวมได้
ในขณะเดียวกัน หุ้นกู้จาก LGFVs ในรูปแบบเงินหยวนพุ่งขึ้นเป็น 4.39% จาก 3.94% ในปีที่แล้ว โดยหุ้นกู้ดังกล่าวในเมืองเทียนจินเพิ่มขึ้นเกือบแตะ 1%
ด้านบทวิเคราะห์จากบลูมเบิร์ก ประเมินว่า ทางการจีนอยู่ในช่วงชั่งน้ำหนักแผนการที่จะสนับสนุนเมืองและมณฑลที่ติดขัดเรื่องกระแสเงินสด โดยอนุญาตออกพันธบัตรในท้องถิ่นเพิ่มเติมเพื่อช่วยชำระหนี้ที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งรวมไปถึงการที่มูลค่าของหุ้นกู้ Sino-Ocean ลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บ่งชี้ถึงความเครียดที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชาวจีน หลังจากบลูมเบิร์ก รายงานว่า คณะทำงานที่นำโดยบรรดาผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าว ว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อดำเนินการตรวจสอบสถานะและทำงานร่วมกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในแผนแก้ไขความเสี่ยงด้านหนี้สิน
เพื่อให้เห็นภาพความเสี่ยงมากขึ้น ปัจจุบัน ดัชนีพันธบัตรเสี่ยงสูงในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์ของจีน ซึ่งครอบงำโดยบรรดาผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนจีนปรับตัวลดลง 10% ตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงปัจจุบัน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์