‘บิทคับ AI’ เสริมโมเดลธุรกิจ ผลิกโฉมวงการ
“บิทคับ มูนช็อต” สร้างขึ้นเพื่อคิดค้นสิ่งใหม่ๆ สำหรับครั้งนี้เพื่อคว้าโอกาสที่สำคัญอย่าง “เทคโนโลยี AI” ที่เรียกว่า “Bitkub AI” เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง บริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด และ บริษัท ThaiGPT เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของโปรเจกต์
“สกลกรย์ สระกวี” สกลกรย์ สระกวี ประธานบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการพัฒนา "Bitkub AI" ที่ต้องการนำเทคโนโลยีที่เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร ซึ่งในขณะเดียวกันสามารถลดต้นทุนของการดำเนินธุรกิจได้ด้วย และอีกจุดหนึ่งที่อยากทำเอาเทคโนโลยีเข้ามาแก้ปัญหามากที่สุดคือการทำ “Customer Service”ที่มีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงเรื่องกฎหมายที่ต้องอยู่ในกรอบการดูแลที่ถูกต้อง เช่น กฎหมาย PDPA
"ตอนนี้ Bitkub AI ถูกใช้ภายในองค์กรแล้ว เข้ามาแก้เพนพ้อยท์ที่เป็นมาโครมูฟเมนท์ เช่นการตรวจสอบ KYC ที่ทำให้รวดเร็วขึ้นเพียงหลัก 20-40 วินาที จาก 15 นาที รวมทั้งเชื่อว่า AI สามารถต่อยอดไอเดียได้หลากหลายมากขึ้นทั้งในชีวิตประจำวันและภาคธุรกิจ"
“ธนัท เบญจภัทรเศรษฐ์” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด เผยแนวทางการพัฒนาของ Bitkub AI มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย 4 แกนสำคัญ คือ 1.พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร 2.เพิ่มประสิทธิภาพของคนในองค์กร 3.สามารถทำงานกิจวัตรประจำวันแทนมนุษย์ได้ และ 4.ใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว
หน้าตาของ Bitkub AI สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ การศึกษา บริการทางการเงิน รวมถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ช สร้างสรรค์ออกมาได้ทุกแพลตฟอร์มที่สามารถปลั๊กอินเข้ากับ API นั้นๆได้ เช่น ไลน์ เฟสบุ๊ก ดิสคอร์ด หรือเว็บไซต์
โดยบิทคับทำหน้าที่เป็น “อินเตอร์เฟส” ผู้ประสานงาน มีหน้าที่ปรับรูปแบบของ AI ให้มีความเฉพาะตัวตอบรับกับรูปแบบธุรกิจนั้นๆ และส่งต่อให้ “ThaiGPT”ที่มีหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับโมเดล AI ที่สามารถจัดการข้อมูลด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์
เรียกได้ว่าทีมมูนช็อตของบิทคับ ช่วยสร้างสรรค์รูปแบบธุรกิจตั้งแต่ “ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ” ด้วยการมีทีมให้คำปรึกษาและ Tech Partner ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายของการออกโปรดักซ์ ซึ่งต้องใช้เวลาในการพัฒนาโปรเจกต์ 3-6 เดือน ตั้งแต่จุดเริ่มต้น
การพัฒนา Bitkub AI คำนึงถึงหลักการสำคัญคือ “Your Data is Your Data” รองรับความปลอดภัยของข้อมูลด้วยองค์กรชั้นนำทั่วโลก ขณะนี้ทีมมูนช็อตของ Bitkub AI ได้ทดลองเดโม AI ในหลายรูปแบบ ทั้ง AI Traning ที่เข้ามาช่วยพัฒนาองค์กร ออกแบบหลักสูตร และ AI เกี่ยวกับการทำนายที่ทำร่วมกับ U Destiny รวมถึง “เก่งกล้า”AI ของบิทคับเองที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4 ของปี 2566 นี้ เป็น AI ที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดภายในองค์กร
และการร่วมมือกันระหว่าง Bitkub AI และ “กรุงเทพธุรกิจ”ที่เข้ามาพลิกโฉมวงการสื่อประเทศไทย ด้วยการปล่อยแอปพลิเคชัน “กรุงเทพธุรกิจ เน็กซ์” โดยจะมีการพัฒนา AI เป็น 2 ส่วนหลัก คือ 1. AI อ่านข่าว เปรียบสเหมือนผู้อ่านจะมีนักข่าวส่วนตัว ในการรายงานข่าวประจำวัน ซึ่งมีฐานข้อมูลมาจากกรุงเทพธุรกิจที่มีความน่าเชื่อถือ
ส่วนที่ 2 คือ AI เขียนข่าว ในการสรุปข่าวสารทั่วโลกและมีฟีเจอร์ตรวจคำผิด ที่สำคัญต่อการนำเสนอข่าว รวมทั้งปรับแต่งรูปแบบการเขียนข่าวในถูกต้องและครอบคลุมทุกองค์ประกอบที่ต้องมี
ธนัท เผยว่าลูกค้าของ Bitkub AI ในตอนนี้มาจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งคิดเป็นอีคอมเมิร์ชและรีเทลกว่า 60% ซึ่งค่าใช้จ่ายในการพัฒนา AI มีความแตกต่างตามขนาดและรูปแบบของธุรกิจ ซึ่งทีมมูนช็อตมองหาและสนใจที่จะพัฒนาโปรดักซ์ใหม่ๆที่เป็น First Mover ที่สามารถพลิกโฉมวงการ
ภาณุทัต เตชะเสน ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ThaiGPT ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "ThaiGPT สัญชาติไทย" เชื่อว่า ChatGPTจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก จากพัฒนาการที่รวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นทำให้เราต้องเร่งเรียนรู้ว่าจะปรับใช้ในทางธุรกิจอย่างไร ซึ่งถ้าไม่รีบคว้าโอกาสสำคัญในตอนนี้จะไม่สามารถตาม AI ในอนาคตได้ทันการณ์ ทำให้ ThaiGPT มีหน้าที่ศึกษา ค้นคว้าและสร้าง “AI engine”ที่สมบูรณ์ เพื่อตอบโจทย์พาร์ทเนอร์อย่างบิทคับไปบริการลูกค้าได้ดีที่สุด
และ โดม เจริญยศ อีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ThaiGPT เผยว่าการสร้าง AI เพื่อตอบโจทย์รูปแบบธุรกิจต้องใช้เงินทุนมหาศาล และการสร้างChatGPTในภาษาไทยมีความยากกว่าภาษาอังกฤษถึง 4 เท่า ซึ่งทำให้เกิดต้นทุนที่สูงขึ้น