วิกฤติสภาพคล่อง คันทรี การ์เดน กดดัน ศก. จีนหนัก -อาจผิดนัดชำระ หากรัฐไม่อุ้ม
วิกฤติสภาพคล่อง คันทรี การ์เดน โฮลดิ้งส์ ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 6 ของจีน เข้ากดดันเศรษฐกิจจีนหนัก หลังเผชิญหลายมรสุมรุมเร้า กูรูหวั่น อาจผิดนัดชำระ หากขาดมาตรการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีจากรัฐบาล
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ (13 ส.ค.) ว่า บริษัทคันทรี การ์เดน โฮลดิ้งส์ (Country Garden Holdings Co.) ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 6 ของจีนอยู่ในช่วงเวลายากลำบากและเหลือเวลาน้อยกว่า 30 วันในการหลีกเลี่ยง "การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้" ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัฐบาลกลางปักกิ่งพยายามออกมาตรการกระตุ้นการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์
โดย ณ สิ้นปี 2565 คันทรี การ์เดน มีหนี้สินรวม 1.4 ล้านล้านหยวน หรือ 1.94 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 6.4 ล้านล้านบาท) ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทฯ ออกมาเปิดเผยว่า
ประเมินการตกต่ำของเศรษฐกิจจีนในแง่บวกมากจนเกินไปและอยู่ในช่วงเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2535 รวมทั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 อาจขาดทุนสุทธิสูงถึง 5.5 หมื่นล้านหยวน เทียบกับกำไรประมาณ 1.91 พันล้านหยวนในปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ ระบุเพิ่มเติมว่า จะระงับการซื้อขายหุ้นหู้ในประเทศ (Onshore Bonds) ประมาณ 12 ชุดตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 ส.ค. เป็นต้นไป ซึ่งเป็น 2 วันก่อนที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ จะออกมาเปิดเผยกับสาธารณะว่าจะรายงานผลขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
ด้านบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า วิกฤติสภาพคล่องของคันทรี การ์เดน เข้าไปเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจของจีน ที่ปัจจุบันก็เติบโตแบบชะลอตัวอยู่แล้วทั้งจากฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ อัตราการว่างงานของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 21% ในไตรมาสที่ 2 สงครามเซมิคอนดักเตอร์-สงครามการค้ากับสหรัฐ รวมทั้งหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นจีน
ปัจจัยทั้งหมดล้วนส่งผลโดยตรงให้ วันพฤหัสบดีที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา ดัชนีราคาพันธบัตรเสี่ยงสูง (Junk Bonds) ของจีน ซึ่งเก็บรวบรวมโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ปรับตัวลดลงอย่างร้อนแรงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2565
ด้าน วี เลียม โกะฮ์ (Wee Liam Goh) ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ UOB Asset Management กล่าวว่า
"ข้อความของคันทรี การ์เดน ในการประกาศล่าสุด ยืนยันถึงความกลัวที่เลวร้ายที่สุดของนักลงทุนเกี่ยวกับสภาวะที่ย่ำแย่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีน"
โดยที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลจีน พยายามฟื้นฟูอุปสงค์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตั้งแต่ปลายปีที่ เพราะเป็นภาคส่วนที่สำคัญเพราะคิดเป็นประมาณ 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน ผ่านการออกมาตรการต่าง ๆ เช่น การผ่อนปรนอัตราการจำนองสำหรับการซื้อบ้านหลังแรก ทว่าก็ยังไม่สามารถหยุดวิกฤติได้ โดยในเดือนก.ค. ยอดขายบ้านร่วงลงมากที่สุดในรอบหนึ่งปี
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุอีกว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในจีนทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ติดอยู่ใน “วงจรอุบาทว์” หลังจากการรณรงค์ของรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่มุ่งให้นักพัฒนาลดภาระหนี้ทำให้การซื้อที่อยู่อาศัยตกต่ำ ซึ่งส่งผลให้ กระแสเงินสดของบรรดาผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ติดขัด นำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้จำนวนมากเป็นประวัติการณ์ หนึ่งในนั้นคือบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ (China Evergrand)
ท้ายที่สุด ต้องติดตามต่อไปว่า สถานการณ์ของบริษัทคันทรี การ์เดน จะจบลงเช่นไร หรือจะสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนมากน้อยขนาดไหน รวมทั้งต้องจับตามาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลว่าจะ “เข้มข้น” มากพอที่จะฟื้นฟูภาคส่วนดังกล่าวให้กลับมาเติบโตได้หรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ส.ค. ผ่านมา ราคาหุ้นบริษัท คันทรี การ์เดน ในตลาดซื้อขายในนครเซี่ยงไฮ้ ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.98 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 4.40 บาท หลังมีข่าวขาดทุนหนัก-เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้
อ้างอิง