‘รูปีปากีสถาน’ อ่อนค่าหนัก 20% ตั้งแต่ต้นปี พบ 'เงินสำรอง' ไม่พอจ่ายหนี้

“เงินรูปีของปากีสถาน” วันนี้ (22 ส.ค.) อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางแรงต้านที่เพิ่มขึ้นจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และสถานการณ์การเงินโลกที่ถดถอย โดยวันนี้ค่าเงินรูปีลดลง 0.6% สู่ 299 รูปีต่อดอลลาร์ โดยสถิติปิดตลาดก่อนหน้าอยู่ที่ 298.9 รูปีต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ สกุลเงินรูปีได้รับการอุ้มบางส่วนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ผ่านเงื่อนไขที่ต้องปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามกลไกตลาดอย่างเสรี และต้องลดค่าเงิน ดังนั้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เงินรูปีของปากีสถานจึงอ่อนค่าลงมากกว่า 20%  สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ ทว่าอัตราการอ่อนค่าดังกล่าวถือว่าแย่ที่สุดในเอเชีย

โดยเงื่อนไขในการรับเงินช่วยเหลือจาก IMF เพิ่มเติม ได้แก่ การลดค่าเงิน (Devaluation) ในเดือนม.ค. ที่ผ่านมา และการขายออก (Selloff) ในเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ ธนาคารกลางฯ เปิดเผยว่า บัญชีเดินสะพัดของปากีสถานเปลี่ยนไปสู่การขาดดุลรายเดือนที่ 809 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. หลังจากเกินดุลเป็นเวลา 4 เดือนติดต่อกัน

ด้าน นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ให้สัมภาษณ์กับกรุงเทพธุรกิจ ว่า

 ก่อนหน้านี้รัฐบาลปากีสถาน พยายามจำกัดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เนื่องจากมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในสกุลเงินดอลลาร์น้อยมาก โดยปัจจุบันอยู่ที่ 8 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่มีหนี้ในสกุลเงินดอลลาร์ที่ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์

ดังนั้นเมื่อรัฐบาลจำกัดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศก็ทำให้ก่อนหน้านั้นไม่มีปัจจัยเข้าไปกระทบค่าเงิน แต่เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือจาก IMF ปากีสถานจำเป็นต้องปล่อยให้การนำเข้า-ส่งออกเป็นไปตามกลไกตลาดอย่างเสรี ทั้งหมดจึงทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลงมาอย่างหนัก ซึ่งสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศอย่างชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ นายบุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังมีความหวังอยู่บ้างหลังจากได้รับความช่วยเหลือจาก IMF คือ ตัวเลข Credit default swap (CDS) ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งชี้ความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ของปากีสถานอยู่ที่ 120% ก่อนเข้าโปรแกรมช่วยเหลือ ทว่าปัจจุบันสถานการณ์สดใสมากขึ้น เพราะตัวเลข CDS กลับมาอยู่ที่เพียง 36%  

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์