จีนสั่งเจ้าหน้าที่ทางการห้ามใช้ iPhone จะกระทบกับ Apple อย่างไร
มาดูกันว่าหลัง "รัฐบาลจีน" สั่งห้ามเจ้าหน้าที่รัฐใช้ "iPhone" ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะส่งผลกระทบต่อ "หุ้น Apple" ส่วนจะเร็วร้ายอย่างที่คิดไว้หรือไม่ ต้องติดตาม
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคา หุ้น Apple ปรับตัวลดลงหลังจากมีรายงานข่าวจาก Wall Street Journal ว่า รัฐบาลจีน ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ข้าราชการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในรัฐวิสาหกิจห้ามใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทต่างชาติ ซึ่งรวมถึงการห้ามใช้ iPhone เพื่อการทำงาน และยังห้ามนำ iPhone เข้ามายังสถานที่ทำงาน โดยข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมๆ ที่ Huawei บริษัทมือถือของจีนเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Mate 60 Pro มาพร้อมชิปสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร ในการผลิต โดยถือเป็นการส่งสัญญาณครั้งสำคัญว่า Huawei พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งของ Apple ในตลาดมือถือ Smartphone ของจีนอีกครั้ง รวมถึงการผลิตชิปโดยบริษัทสัญชาติจีนเอง อย่าง SMIC ยังเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนยังไม่ยอมแพ้ต่อสหรัฐ ในสงครามการผลิตชิปถึงแม้ว่าจะถูกแบนและกีดกันการเข้าถึงเทคโนโลยีในการผลิตก็ตาม
โดยหากอ้างอิงจากข้อมูลตัวเลขสถิติต่างๆ พบว่า ผลกระทบจากคำสั่งแบนดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับ Apple มีค่อนข้างจำกัด ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics of China) เมื่อปี 2021 ระบุว่ามีพนักงานข้าราชการและรัฐวิสาหกิจในจีนราว 56.33 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนราว 7.5% จากประชากรจีนวัยทำงานทั้งหมด ซึ่งมีราว 746.52 ล้านคน และคิดเป็นเพียงสัดส่วน 4% จากจำนวนประชากรจีนทั้งหมด 1,412.6 ล้านคน
ส่วนรายได้ ณ สิ้นปี 2022 ของ Apple ที่มาจากจีนคิดเป็นสัดส่วนราว 19% เพิ่มขึ้นจาก 15% เมื่อปี 2012 และหากนับเฉพาะยอดขาย iPhone แต่เพียงอย่างเดียวยอดขายในจีนจะมีสัดส่วนราว 20% จากยอดขาย iPhone ทั้งหมดทั่วโลกของ Apple และหากนำข้อมูลจำนวนเจ้าหน้าที่รัฐของจีนประเมินผ่านสัดส่วนรายได้ และสัดส่วนยอดขาย iPhone จะพบว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรายได้ของ Apple อาจจะอยู่ที่แค่เพียง 1% เท่านั้น และอาจกระทบกับยอดขาย iPhone ราว 3 ล้านเครื่อง จาก 220 ล้านเครื่อง ที่ Apple ขายได้ทั่วโลก
ในด้านผลกระทบที่เกิดจากการกลับมาของ Huawei อาจจะดูมีความท้าทายกับ Apple มากกว่าเล็กน้อย เนื่องจากที่ผ่านมา Apple ถือว่า ได้รับประโยชน์อย่างมากในช่วงที่ Huawei ถูกคำสั่งแบนจากสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ในปี 2018 ส่วนแบ่งการตลาด Smartphone ในจีน Huawei ขึ้นไปสูงสุดที่ราว 35% ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดในจีนของ Apple เมื่อปี 2018 อยู่ราว 8% เท่านั้น แต่ตัดภาพมา ณ ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2022) ส่วนแบ่งการตลาด Smartphone ในจีนของ Huawei ลดลงเหลือเพียง 5% ขณะที่ Apple เพิ่มขึ้นเป็น 17%
ส่วนแบ่งการตลาดมือถือ Smartphone ในจีนของ Huawei และ Apple ปี 2011 - 2022
ที่มา : Gartner, Data compiled by Goldman Sachs Global Investment Research
สำหรับมือถือ Huawei รุ่น Mate 60 Pro วางจำหน่ายในจีนไปเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา และขายหมดอย่างรวดเร็วในร้านค้าอย่างเป็นทางการของ Huawei ที่อยู่ใน JD.com, Taobao และ Vmall แต่อย่างไรก็ดี ไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาว่าจำนวนมือถือที่ถูกระบุว่าขายหมดนั้นอยู่ที่จำนวนกี่เครื่อง
โดยหากประเมินในกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับ Apple คือส่วนแบ่งการตลาด Smartphone ในจีนถูก Huawei แย่งชิงกลับไปทั้งหมดอาจกระทบกับยอดขาย iPhone ถึงราว 15 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นราว 7% จากยอดขาย iPhone ทั่วโลก ซึ่งมือถือ iPhone ทุกๆ 1 ล้านเครื่อง จะคิดเป็นรายได้ราว $900 ล้านเหรียญ และกำไรราว $280 ล้านเหรียญ นอกจากนี้หากยอดขาย iPhone ลดลงจะมีผลกระทบกับสัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริการที่ Apple ได้ในอนาคต
อย่างไรก็ดี หากมองโลกจากความเป็นจริงจะพบว่า การกลับมาของ Huawei ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดของ Apple ไปได้ทั้งหมด เนื่องจากมือถือ Smartphone ยี่ห้อของจีนเองอย่าง OPPO, VIVO, Honor และ Xiaomi ปัจจุบันก็มีส่วนแบ่งการตลาดในจีนในสัดส่วนที่สูงเช่นกัน และก็มีความเป็นไปได้สูงที่หากมือถือ Smartphone ของ Huawei กลับมาได้รับความนิยมจริงๆ ก็อาจจะเป็นมือถือยี่ห้อของจีนเองที่ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นเดียวกัน และหากเทียบระหว่างเทคโนโลยีการผลิตชิปที่อยู่ในมือถือของ Huawei ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร กับมือถือ iPhone 15 ซึ่งพึ่งเปิดตัวไปและใช้ชิปที่เป็นสถาปัตยกรรม 3 นาโนเมตร จะเห็นได้ถึงความแตกต่างกันของเทคโนโลยี และไม่ได้แปลว่าคนจีนทั้งหมดจะเปลี่ยนใจจาก Apple มาใช้ Huawei ทั้งหมด หรือเจ้าหน้าที่รัฐของจีนเมื่อถูกคำสั่งห้ามแล้วจะไม่หาซื้อมือถือ iPhone มาใช้เป็นการส่วนตัวนอกเวลางาน
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมา Apple ยังพยายามเจาะตลาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งอย่างอินเดียที่ช่วงหลังมียอดขาย iPhone เติบโตได้เป็นอย่างดี โดยในปีนี้ Tim Cook CEO ของ Apple พึ่งจะเดินทางไปยังประเทศอินเดียเพื่อเปิดตัวร้านค้า Apple Store แห่งแรก และแห่งที่สอง ใน Mumbai และ New Delhi ซึ่งในปี 2022 ส่วนแบ่งการตลาด Smartphone ของ Apple ในอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 6% จาก 2% เมื่อปี 2020 ซึ่งหากยอดขายของ Apple ได้รับผลกระทบจากจีนจริง อินเดียก็ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ Apple พร้อมจะเร่งสร้างการเติบโตของยอดขายมาทดแทน
ดังนั้น ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับ Apple ที่มาจาก ประเทศจีน และส่งผลกระทบกับราคา หุ้น Apple อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายคนได้จินตนาการไว้ และยิ่งอาจจะถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักลงทุนที่กำลังรอคอยโอกาสเข้าลงทุนในหุ้น Apple หรือกองทุนที่มีสัดส่วนลงทุนในหุ้น Apple ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีจังหวะให้เข้าลงทุนก่อนหน้านี้
ที่มา : Goldman Sachs, TISCO ASSET
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และเว็บไซต์ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds