‘ยูโอบี’มุ่งสู่ธนาคารยั่งยืน ตั้งเป้าปี68 ปล่อยสินเชื่อสีเขียว 3 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์
"ธนาคารยูโอบี" เดินหน้าสู่ “ธนาคารแห่งความยั่งยืน” ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อสีเขียวแตะ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ภายในปี 2568
รายการ SUITS Sustainability เปลี่ยนโลกธุรกิจ ของ “กรุงเทพธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ ตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ถึง พันธกิจของธนาคารในการมุ่งสู่ “ธนาคารแห่งความยั่งยืน” โดยเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี2593 จากความมุ่งมั่นในการดำเนินการ ทำให้ได้รับ 2 รางวัลใหญ่ Asiamoney’s Best Bank for ESG in Thailand Award และ Asian Banking & Finance Thailand International Green Finance Initiative of the Year Award
การมุ่งสู่ “ธนาคารแห่งความยั่งยืน” ต้องทำผ่าน 3 แนวทางด้วยกัน แนวทางแรก ต้องมีความมุ่งมั่นและตั้งใจอย่างแท้จริง โดยธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ได้ประกาศพันธสัญญาเพื่อมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2593 รวมไปถึงการให้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่ช่วยลดการปล่อยมลภาวะ ซึ่งธนาคารเลือกให้ความสำคัญกับ 6 ภาคธุรกิจหลัก โดยพิจารณาจากการปล่อยมลภาวะ ที่มีศักยภาพในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงภาคส่วนที่มีบทบาทต่อภาพรวมทางธุรกิจของธนาคารถึง 60%
นอกจากนี้เรายังมุ่งมั่นในการหลีกเลี่ยงให้สินเชื่อสำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติที่ได้รับอนุมัติหลังปี พ.ศ. 2565 และเลิกให้การสนับสนุนสำหรับสินเชื่อธุรกิจถ่านหินภายในปี 2582
แนวทางที่ 2 ธนาคารได้พัฒนาหลักการและแนวทางการดำเนินงานสู่ความยั่งยืนผ่าน 5 ด้านสำคัญคือ
• ด้านที่ 1 ยึดมั่นในการสร้างความยั่งยืนในอนาคตร่วมกับลูกค้า เพราะธนาคารเชื่อในการเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นไปยังความสำเร็จของลูกค้าและสิ่งแวดล้อม
• ด้านที่ 2 การกำหนดให้กลยุทธ์ทางธุรกิจและผลประโยชน์ของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นไปตามกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
• ด้านที่ 3 การดำเนินการที่ปฏิบัติได้จริงและมีความก้าวหน้า
• ด้านที่ 4 การยึดการปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับเป็นพื้นฐานสำคัญ
• ด้านที่ 5 การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยคุณค่าที่ธนาคารยึดมั่น ประกอบด้วย คุณธรรม สร้างสรรค์ เป็นหนึ่งเดียวและมุ่งมั่น
แนวทางที่ 3 เราพัฒนาแผนการและเริ่มลงมือปฏิบัติตามนโยบาย เพื่อมุ่งสู่ Net Zero อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ซึ่งครอบคลุม 3 ประเด็นสำคัญ คือการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขององค์กร การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของลูกค้าและผู้นำด้านความยั่งยืน ที่ธนาคารได้พัฒนาหลักเกณฑ์ที่ครอบคลุม รวมถึงมอบทางเลือกต่างๆในการช่วยให้ลูกค้า สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ เหล่านี้ก็เพื่อสนับสนุนเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างราบรื่น และคุ้มค่าที่สุดสำหรับลูกค้า
การสนับสนุนเหล่านี้นับได้ว่าเป็น “คันเร่ง” ที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านด้านสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างรวดเร็ว และในฐานะที่ธนาคารยูโอบี เป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เราจึงพร้อมนำความเชี่ยวชาญมาช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมการเงิน เกิดความก้าวหน้าด้านความยั่งยืนอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
“ผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ความพยายามของเรา ในช่วงเริ่มต้นนี้ได้รับการยกย่อง และได้รับการรันตีด้วยรางวัล Asiamoney’s Best Bank for ESG in Thailand Award และ Asian Banking & Finance Thailand International Green Finance Initiative of the Year Award ในปีนี้ ซี่งทั้งสองรางวัลนี้เป็นการตอกย้ำความทุ่มเทของเราในการผลักดันโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในประเทศไทยไปสู่ความสำเร็จ”
สิ่งที่สำคัญ ในการไปสู่ความยั่งยืน ต้องมาจากรากฐานความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า การเติบโตของธุรกิจและการรับผิดชอบทางสังคมเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาไปพร้อมกัน
ตัน กล่าวว่า เสาหลักด้านความยั่งยืนที่สำคัญมี 4 ประการ
• ประการที่ 1 เราขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ความสำเร็จด้านเศรษฐกิจจะต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
• ประการที่ 2 เรายึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเสมอ เรามุ่งมั่นในการมอบผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกได้
• ประการที่ 3 มุ่งสร้างบุคลากรผู้ชำนาญการ โดยหล่อหลอมให้พนักงานของเราให้มีความเชี่ยวชาญมีความเข้าใจและเข้าถึงความซับซ้อนของสินเชื่อ เพื่อสร้างความยั่งยืน
• ประการสุดท้าย ตั้งมั่นบนพื้นฐานผู้รับผิดชอบ โดยตอบแทนชุมชนในทุกพื้นที่ที่เราดำเนินธุรกิจ
การดำเนินกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของธนาคารล้วนสอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานระดับสากลตามหลักการ UN Sustainable Development Goals (UNSDGs) โดยธนาคารได้ผสานกลยุทธ์นี้ ในทุกระดับขององค์กร ตั้งแต่คณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานทุกคน เหล่านี้คือเสาหลักที่ธนาคารยึดถือ เพื่อร่วมกันสร้างผลกระทบในเชิงบวกที่จับต้องได้ในชุมชนของเรา เช่นเดียวกันกับการจัดตั้งหน่วยงาน Corporate Sustainability Office (CSO) ที่ตั้งขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก็ถือเป็นแรงกระตุ้นให้ทุกหน่วยงานในธนาคาร ดำเนินงานตามปณิธานด้านความยั่งยืน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของธนาคาร
สำหรับการให้สินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อมของธนาคารยูโอบีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อปี 2563 ธนาคารได้เปิดตัว U-solar ผ่านการให้สินเชื่อ เพื่อความยั่งยืนด้านเมืองอัจฉริยะที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 359,000 ตัน เทียบเท่ากับการลดใช้ยานพาหนะบนถนนได้ถึง 77,000 คัน
นอกจากนี้ในปี 2565 ธนาคารได้เปิดตัว U-Drive และ U-Energy ที่สามารถสนับสนุนได้ทั้งห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์ไฟฟ้า และการให้สินเชื่อกับโครงการที่เน้นการประหยัดพลังงาน โดยปัจจุบันสินเชื่อนี้ได้ช่วยประหยัดพลังงานมากถึง 6 ล้าน kWh
ตัน กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อมแล้ว 35 โครงการ และปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนด้านเมืองอัจฉริยะแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทย รวมถึงการเปิดตัวสินเชื่อสีเขียว โดยสนับสนุนสินเชื่อให้กับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมแห่งแรก และยังช่วยอุตสาหกรรมโลหะในการเปลี่ยนผ่านด้วยการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน
อีก 2 ความร่วมมือสำคัญผ่าน 2 โครงการ คือการร่วมมือกับ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ในการออกหุ้นกู้สีเขียว (Green Bond) ครั้งแรกในไทย ที่เป็นโครงการนำร่องเส้นทางขอการเงินสีเขียวให้กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการค้าปลีก และโครงการที่สอง คือความร่วมมือกับ Great Wall Motors และการร่วมมือครั้งสำคัญกับ Rever และ BYD และปีนี้ ธนาคารได้เปิดตัว U-Solar เพื่อรองรับระบบนิเวศในวงกว้างมากขึ้น และจะยังคงเดินพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ต่อไป เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าธนาคาร
เราคาดหวังจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องของสินเชื่อสีเขียวในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งธนาคารมีเป้าหมายในการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนรวม 30,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ภายในปี 2568 จากปี 2565 ปล่อยสินเชื่อแล้ว 25,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และ ภายในปี 2569 จะมีพอร์ตเสนอปล่อยสินเชื่อสีเขียวเพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 6%
อย่างไรก็ตามการบรรลุเป้าหมาย Net Zero เพื่อชะลอการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ตรงกับจุดมุ่งหมายของธนาคารยูโอบี คือสร้างอนาคตของอาเซียน เพื่อประชาคมอาเซียน และธุรกิจระหว่างภูมิภาค ธนาคารยูโอบี จึงพร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero ด้วยโซลูชันทางการเงินเพื่อสร้างความยั่งยืน และมุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เพื่ออนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
ความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงคำพูด แต่คือ “คำมั่นสัญญา” ที่เราจะทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อลูกค้าของเราและชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจ หากพวกเราร่วมมือกัน เราจะสามารถเอาชนะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ และสร้างอนาคตที่เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม สามารถเติบโตไปพร้อมกันได้