กองทุน‘Thai ESG’ ปิดปี66 เม็ดเงินไหลเข้า 5.3พันล้าน
ผ่านไปแล้วสำหรับ “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน THAI ESG” (TESG) ลดหย่อนภาษีได้อีก 1 แสนบาท ที่เริ่มเปิดขายเมื่อ 8 ธ.ค.ปีที่ผ่านมา และหากต้องการได้สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2566 ต้องซื้อกองทุน Thai ESG ได้ไม่เกิน 28 ธ.ค. ปีที่ผ่านมานี้ เท่านั้น
แน่นอนพฤติกรรมของนักลงทุนกองทุนประหยัดภาษี ยังคงเข้าซื้อลงทุนมากในช่วงวันสุดท้าย เข้ามาถึงอีกหลายพันล้านบาท จาก แรงซื้อเข้ามาเต็มๆ ณ 22 ธ.ค. 66 มียอดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวมกันใกล้ถึง 3,000 ล้านบาท และล่าสุด ณ 28 ธ.ค. 2566 จำนวน 14 บลจ. 28 กองทุน มียอดรวมกันทั้งสิ้น 5,218.53 ล้านบาท
โดย 7 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) รายใหญ่ที่มีการเปิดขายกองทุน Thai ESG และมียอด AUM เข้ามาเป็นส่วนใหญ่ นำโดย อันดับ 1.บลจ. กสิกรไทย 1,411 ล้านบาท อันดับ 2. บลจ.ไทยพาณิชย์ 1,127 ล้านบาท อันดับ 3.บลจ.บัวหลวง 817.55 ล้านบาท อันดับ อันดับ 4.บลจ.เกียรตินาคินภัทร 570.73 ล้านบาท อันดับ 5.บลจ. กรุงไทย 551.60 ล้านบาท อันดับ 6.บลจ.กรุงศรี 452 ล้านบาท อันดับ 7. บลจ.อีสท์สปริง 255.55 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภายในปี 2566 AUM ของกองทุน Thai ESG โดยรวมเกินมาครึ่งทางของเป้าหมายกระทรวงการคลังวางไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ในระยะเวลาเปิดเสนอที่ค่อนข้างจำกัด เพียง 3 สัปดาห์ บรรดาผู้จัดการกองทุน นับว่า “ผลการรับดีเป็นที่น่าพอใจ” และยังช่วงสร้างเซนทริเมนท์เชิงบวก พยุงดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงวันสุดท้ายปิดปีก่อนเช่นกัน
“ชวินดา หาญรัตนกูล" นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า กองทุน Thai ESG เป็นความหวังช่วยสร้างเซนทริเม้นท์เชิงบวกพยุงหุ้นไทยสิ้นปีก่อนไว้เหนือระดับ 1,400จุด แม้เม็ดเงินไหลเข้า กองทุน Thai ESG ปีนี้คงไม่โดดเด่นเหมือนกองทุน LTF และตอนนี้การลงทุนยั่งยืน ESG ของตลาดหุ้นเริ่มชัดเจน มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในระยะข้างหน้า และสะสมเงินออมระยะยาว ดังนั้น การขายกองทุน Thai ESG แบบเต็มปีในปีหน้าเชื่อสามารถไปถึงเป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาทได้
"ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ถือว่าประสบความสำเร็จจากการออกเสนอขายกองทุน Thai ESG สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เลือกกองทุน Thai ESG เป็นช่องทางออมเงินระยะยาว และใช้สิทธิลดหย่อนภาษีของปี 2566
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงมาระดับที่น่าสนใจ ประกอบกับมูลค่า NAV ของกองทุน Thai ESG หลังออกเสนอขายหน่วยลงทุนยังปรับขึ้นมาไม่มาก ในปี 2567 จึงมองเป็นจังหวะเข้าลงทุนได้ต่อเนื่องต้นแต่ต้นปี เพื่อทยอยสะสมมูลค่าเงินออม และนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับปีนี้ได้
สำหรับปี 2567 บลจ.ไทยพาณิชย์ มองทิศทางเติบโตของตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจในแง่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่หลายประเทศเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง ประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
ดังนั้น มีโอกาสตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตแบบเร่งตัว จากการส่งออก แนวโน้มการค้าโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น และการขยายตัวการลงทุนภาคเอกชน ตามแนวโน้มยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนและนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐ โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะมีโอกาสปรับตัวขึ้น และส่งผลต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยให้กลับมาเติบโตได้ในปีนี้
"เรามองเป็นโอกาสเข้าลงทุนสะสมหุ้นไทยที่มีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ผ่านกองทุน Thai ESG นี้ได้ต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากการวางแผนออมเงินในระยะยาวแล้ว ยังสามารถรับสิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับปี 2567 ได้ต่อเนื่อง และยังเป็นส่วนหนึ่งที่พร้อมหนุนการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยให้มีการเติบโตเพื่อก้าวไปสู่ความยั่งยืนร่วมกันอีกด้วย"