ดอกเบี้ยสูงพ่นพิษ บริษัทสหรัฐยื่นล้มละลายสูงสุดในรอบ 13 ปี สัญญาณศก.ถดถอย
ดอกเบี้ยสูงพ่นพิษ เอสแอนด์พี โกลบอล เผยรายงานการล้มละลายของบริษัทในสหรัฐฯ ในปี 2566 พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี ดิ้นรนที่จะอยู่รอดท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูงและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ราชาแห่งพันธบัตร ชี้ตลาดส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย
Keypoint:
- บริษัทในสหรัฐฯยื่นล้มละลาย 642 ครั้ง สูงสุดในรอบ 13 ปี
- เซ่นพิษอัตราดอกเบี้ยสูงและอัตราค่าแรงที่กำลังเพิ่มขึ้น
- ส่งสัญญาณเศรษฐกิจหดตัว
การล้มละลายของบริษัทในสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี ในปี 2566 ที่ผ่านมา จากพิษเศรษฐกิจทำให้บริษัทในสหรัฐต้องเผชิญกับความพยายามดิ้นรนที่จะอยู่รอดท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูงและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลจากเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) แสดงให้เห็นว่าในปี 2566 มีการยื่นขอล้มละลายทั้งหมด 642 ครั้ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2553 ที่มีการยื่นฟ้องล้มละลาย 827 ครั้ง
ขณะเดียวกัน S&P Global คาดว่าต้นทุนทางการเงินยังคงสูง เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมยังคงอยู่ในระดับสูง แม้มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
“แม้ว่านักลงทุนคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นเดือนมีนาคม แต่บริษัทต่างๆ ก็ยังคงต้องต่อสู้กับอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงและค่าจ้างที่อาจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระยะเวลาอันใกล้นี้”
S&P Global ไม่ใช่เพียงบริษัทเดียวที่ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2567
ส่งสัญญาณ เศรษฐกิจหดตัว
เจฟฟรีย์ กุนด์ลัค (Jeffrey Gundlach) มหาเศรษฐีชื่อดัง หรือที่รู้จักกันในนาม “The Bond King” ราชาแห่งพันธบัตร และผู้จัดการกองทุน DoubleLine Capital ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยคาดการณ์ว่าปี 2567 จะเป็นปีที่ตลาดตกต่ำ เนื่องจากศรษฐกิจจะเข้าสู่ช่วงหดตัว
“มองว่าปี 2567 จะเป็นปีแห่งความผันผวนสูง โดยเริ่มจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง จากนั้น เศรษฐกิจจะตอบสนองต่อภาวะถดถอย ซึ่ง DoubleLine พร้อมแล้วสำหรับตลาดหมี”
อ้างอิง dailyhodl