เศรษฐกิจซบ-ดอกเบี้ยพุ่ง บริษัทมะกันผิดนัดชำระหนี้เพิ่ม 80% สูงสุดในรอบ 7 ปี
เอสแอนด์พี โกลบอล เรตติง เผย บริษัทมะกันผิดนัดชำระหนี้ 153 แห่ง เพิ่มสูงขึ้น 80% ในปี 2566 ถือเป็นระดับการผิดนัดชำระหนี้สูงสุดในรอบ 7 ปี สาเหตุจากเศรษฐกิจซบเซาและอัตราดอกเบี้ยสูง
เอสแอนด์พี โกลบอล เรตติง เผยว่า การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอเมริกันเพิ่มสูงขึ้นในปี 2566 และอาจเป็นปัญหาอีกครั้งในปี 2567 เนื่องจากหลายบริษัทเกิดปัญหาสภาพคล่องเพราะมีภาระอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น
จำนวนบริษัทอเมริกันที่ผิดนัดชำระหนี้มีทั้งสิ้น 153 แห่งในปี 2566 เพิ่มขึ้น 85 บริษัทจากปีก่อนหน้า หรือเพิ่มขึ้นราว 80% ซึ่งถือเป็นระดับการผิดนัดชำระหนี้สูงสุดในรอบ 7 ปี นอกเหนือจากช่วงโควิด-19 ระบาดในปี 2563
เอสแอนด์พีระบุว่า บริษัทที่ผิดนัดชำระหนี้เป็นบริษัทที่จัดอยู่ในเรตติงต่ำที่มีกระแสเงินสดติดลบ มีภาระหนี้สินสูง และสภาพคล่องน้อย เมื่อแยกเป็นประเภทธุรกิจ พบว่า ธุรกิจที่ต้องพบลูกค้า รวมถึงสื่อและธุรกิจด้านความบันเทิงมักเป็นบริษัทที่ผิดนัดชำระหนี้
ตามข้อมูลจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เผยว่า บริษัทอเมริกันอาจเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพราะภาระหนี้สินรวม 13.7 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หนี้สินบริษัทพุ่งสูงขึ้น 18.3% ตั้งแต่ปี 2563 เนื่องจากหลายบริษัทใช้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงเกิดการแพร่ระบาดโควิดแรก ๆ
เอสแอนด์พีคาดการณ์อีกว่า ปี 2567 การผิดนัดชำระหนี้ทั่วโลกยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีเรตติงระดับล่าง (ตั้งแต่ B- ลงไป) ซึ่งมีบริษัทที่ออกหลักทรัพย์เสี่ยงถูกปรับลดเรตติงเกือบ 40% และคาดว่าต้นทุนทางการเงินยังคงสูง แม้มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่บริษัทออกตราสารหนี้ปรับลดระยะเวลาครบกำหนด และคาดว่าตราสารหนี้สำหรับกลุ่มที่ลงทุนเพื่อเก็งกำไรอาจเติบโตเต็มที่ในปี 2568 และ 2569
นักเศรษฐศาสตร์บางคนกังวลว่า ปริมาณหนี้สินบริษัทจำนวนมากอาจกลายเป็นปัญหาตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากสัดส่วนหนี้สินที่ต้องชำระในช่วงที่กู้มาในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ครบกำหนดในอีกสองสามปีข้างหน้าแล้ว
เอสแอนด์พีเตือน ภาระหนี้สินทั้งในสหรัฐและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก อาจรุนแรงมากขึ้นจากพิษเศรษฐกิจชะลอตัวและต้นทุนทางการเงินสูง จนส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ต่อไป
อ้างอิง: CNBC