มะกันชอปหนัก ยอดเครดิตทะลุ 1.08 ล้านล้านดอลล์ ศก.สหรัฐรุ่ง หนี้พุ่งถ้วนหน้า
จากตัวเลขยอดการใช้จ่ายในเทศกาลชอปปิงวันหยุดในสหรัฐ ที่ดูเหมือนจะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวดีนั้น หารู้ไม่ว่าผู้บริโภคใช้จ่ายเพิ่ม หนี้สินครัวเรือนก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบัตรเครดิต เพราะมียอดใช้บัตรเครดิตสะสมทะลุ 1.08 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (22 ธ.ค.) ว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันยังคงใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยในปี 2566 นี้ ซึ่งสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วย “การท่องเที่ยวล้างแค้น”, “คอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์”, และการทานอาหารในภัตตาคารราคาแพง แต่การใช้จ่ายส่วนใหญ่ก็สร้างหนี้สินตามมาด้วย
จากข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุ ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตในสหรัฐเพิ่มขึ้นประมาณ 4.7% สู่ระดับ 48,000 ล้านบาทในไตรมาสสาม ทำให้มียอดใช้จ่ายบัตรเครดิตสะสมที่ 1.08 ล้านล้านดอลลาร์ ถือเป็นยอดรวมสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2546 และยอดบัตรเครดิตมหาศาลนี้เกิดขึ้นก่อนช่วงฤดูกาลชอปปิงในวันหยุดเสียอีก
ยอดการใช้จ่ายดังกล่าวกำลังเพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากอัตราร้อยละ (APR) ของการใช้จ่ายพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 20% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บรโภคสหรัฐจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเฟด จ่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2567
ในขณะเดียวกัน ชาวอเมริกันประมาณ 40% ใช้เงินออมในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อชำระหนี้บัตรเครดิตที่สูงขึ้น และกระแสในติ๊กต็อกก็บ่งชี้ถึงสถานการณ์ “เศรษฐกิจถดถอยเงียบ” เนื่องจากคนหลายล้านประสบปัญหาการชำระกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ค่าผ่อนรถ ต้นทุนค่าบ้านและค่าของชำที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่า ผู้บริโภคหลายคนจะพึ่งพาบัตรเครดิตและก่อหนี้สินอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
บรูซ แม็กคลารี โฆษกจากมูลนิธิเพื่อการให้คำปรึกษาด้านเครดิตแห่งชาติ (National Foundation for Credit Counseling) บอกว่า
“ผู้บริโภคพึ่งพาวงเงินสินเชื่อเพื่อซื้อสิ่งของที่จำเป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดหวังว่าผู้บริโภคสามารถชำระด้วยเงินสดที่มีได้ แต่ผู้บริโภคไม่มีเงินสดเหลือแล้ว”
สิ่งที่น่ากังวลอีกอย่างก็คือ ความนิยมของบริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” ปกติจะให้ลูกค้าแบ่งชำระได้ 4 งวด และมักไม่มีค่าธรรมเนียมหากไม่ผิดนัดชำระเงิน แต่ยอดเงินส่วนนี้ไม่นับรวมในเครดิตบูโร หมายความว่า ไม่มีใครทราบว่าผู้คนมียอดใช้จ่ายส่วนนี้กันเท่าไร
Adobe Analytics รายงานว่า ผู้บริโภคใช้สินเชื่อผ่อนชำระมูลค่ารวม 67,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ในวันไซเบอร์มันเดย์ เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2565 ขณะที่เวลล์ส ฟาร์โก คาดว่า ผู้บริโภคใช้จ่ายในการซื้อสินค้าต่าง ๆ ในวันดังกล่าว ประมาณ 46,000 ล้านดอลลาร์
ยิ่งไปกว่านั้น อัตราการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตก็เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 และนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า แนวโน้มหนี้สินของผู้บริโภคอาจย่ำแย่ลงไปอีก
ทิม ควินแลน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากเวลล์ส ฟาร์โก เผยว่า ธนาคารบางแห่งเตรียมลดวงเงินสินเชื่อ และปิดวงเงินสินเชื่อที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าหนี้สินผู้บริโภคจะไม่มีบทบาทในการขับเคลื่อนการใช้จ่ายในปีหน้า
“ไม่ได้มีแค่บัตรเครดิตเท่านั้นที่ผู้บริโภคใช้ก่อหนี้ แต่ยังมีเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และสินเชื่อรถยนต์ ถ้าดูต้นทุนดอกเบี้ยว่ากินค่าใช้จ่ายมากเท่าไร จะพบว่ามันกินค่าใช้จ่ายเยอะมากตั้งแต่ปี 2551 นี่จึงถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล” ควินแลน เตือน