ThaiBMA ชี้มรสุมข่าวลบ ยังป่วน 'หุ้นกู้ไฮยีลด์'
ThaiBMA ชี้มรสุมข่าวลบ"ดัชนีฯร่วง-รัฐเบิกจ่ายช้า-ศก.ทรุด-ดอกเบี้ยสูง" ป่วน “หุ้นกู้ไฮยีลด์” โดยเฉพาะกลุ่มเดิมที่นักลงทุนไม่เชื่อมั่น- ถูกหั่นเครดิต -ไร้ธรรมาภิบาล รอประเมินตลาดครึ่งหลังชัด จับตา SABUY ใน 6 เดือน เร่งหาทางออก มีหุ้นกู้ครบกำหนดปลายปีนี้ 1.5 พันล้าน
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นกู้ขณะนี้ มีหลายปัจจัยเชิงลบทำให้นักลงทุนกังวล ทั้งภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวยปรับตัวลงแรง และมีความผันผวนสูง ประกอบกับ ช่วงที่ผ่านมาเบิกจ่ายภาครัฐล่าช้ากระทบต่อสภาพคล่องของบริษัทอย่างที่เคยเกิดขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจไทยช่วงที่ผ่านมายังฟื้นช้า และดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งทริสเรทติ้งและฟิทช์เรทติ้ง ได้ปรับลดเรตติ้งบจ.เกือบ 20 บริษัท
เมื่อมีกระแสข่าวเชิงลบจากปัจจัยที่กล่าวมา อาจเกิดผลกระทบต่อ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ .) ที่มีการออกหุ้นกู้ได้ แต่อย่างไรก็ตามพบว่า ความกังวลดังกล่าว ยังคงเกิดขึ้นกับหุ้นกู้ของบริษัทในกลุ่มเดิมๆ ที่มีปัญหาอยู่แล้วในช่วงที่ผ่านมา และ บจ. กลุ่มหุ้นซิ่ง ซึ่งกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ มีทั้งการลงทุนในหุ้นและหุ้นกู้ได้ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว
ดังนั้น สถานการณ์ความเสี่ยงในตลาดหุ้นกู้ผิดนัดชำหนี้ที่จะครบกำหนด มองว่า ยังมีโอกาสเกิดขึ้นแต่เป็นปัญหาเฉพาะบริษัท โดยเฉพาะบริษัทเดิมๆที่มีปัญหานักลงทุนไม่เชื่อมั่น บริษัทไม่รักษาเครดิตเรตติ้ง บริษัทไม่มีธรรมาภิบาล ในกลุ่มนี้จะกระทบทั้งการออกหุ้นกุ้เพื่อโรโอเวอร์หุ้นกู้เดิม และอาจมีความเสี่ยงชำระหนี้หุ้นกู้ตามมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ เริ่มจะมีปัญหาชำระหนี้ บริษัทคงต้องเตรียมตัว หาแหล่งเงินระดมทุนอื่นๆ ที่เหมาะสมมากกว่าหุ้นกู้ เช่น เงินกู้แบงก์ และการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น เพื่อให้มีสภาพคล่องสามารถชำระหยี้หุ้นกู้ครบกำหนดได้ตรงเวลา หรือการขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อดำเนินการปรับโครงสร้างยืดระยะเวลาชำระหนี้ พร้อมจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ขณะที่ บจ.หรือบริษัทขนาดใหญ่ หรือแม้แต้บริษัทกลุ่มหุ้นกู้ไฮยิลด์ ที่ไม่มีเครดิตเรตติ้ง แต่มีบริษัทแม่ที่มีงบการเงินแข็งแกร่ง และผู้บริหารเป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือ พบว่า บริษัทยังออกขายหุ้นกู้และขายได้หมด สะท้อนว่านักลงทุนยังคงตอบรับดีต่อเนื่อง
ดังนั้น ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ และในช่วงครึ่งปีหลังนั้นคาดว่า จะมีหุ้นกู้ครบกำหนดอีกรา่ว 5 แสนล้านบาาท สมาคมฯ จึงยังคงเป้าหมายยอดออกหุ้นกู้ปีนี้ไว้ 1 ล้านล้านบาทเท่าเดิมก่อน พร้อมกับคงค้องรอติดตามปัจจัยต่างๆ ช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ชัดเจนก่อน
ทั้งนี้ เชื่อว่าครึ่งหลังหากการเบิกจ่ายภาครัฐเร่งตัวขึ้น และเศรษฐกิจไทยยังเดินหน้าฟื้นขึ้นต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยหนุนผู้ออกหุ้นกู้และเมื่อไหร่ที่เฟดเริ่มลดดอกเบี้ยได้จริงจะสนับสนุนบริษัทๆ เข้าามาออกหุ้นกู้เพิ่ิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่ยังพบว่า ยอดหุ้นกู้ยังชะลอตัว
นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้ ทางสมาคมฯ จะมีการประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อจัดทำกรอบข้อกำหนดการออกหุ้นกู้ไฮยิลด์ที่เข้มข้นขี้น ซึ่งมีการศึกษาโมเดลจากต่างประเทศ คาดว่า ในช่วงครึี่งปีหลัง จะสามารถดำเนินเตรียมความพร้อมต่างๆ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อเริ่มใช้ในปีหน้าต่อไป
จากที่ผ่านมา ก.ล.ต.และสมาคมฯ ได้ร่วมกันผลักดันมาตรการต่างๆ ให้ผู้ออกขายหุ้นกู้ มีคุณภาพมากขึ้น เช่น การขึ้นทะเบียน บริษัทที่จะออกขายหุ้นกู้ ,การรายงานงบการเงินฉบับเต็ม เช่นเดียวกับบจ. และจะมีการทำเรโชต่างๆ เมื่อเทียบกันในอุตสาหกรรมให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัทผู้ออกหุ้นกู้มากขึ้นเพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุนดีขึ้น
ส่วนกรณีที่มีความกังวลหลังจากบมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY)ที่พันธมิตรยกเลิกซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามแผน แต่ยืนยันจะร่วมมือธุรกิจกันต่อ พร้อมหาพันธมิตรใหม่เสริมส่งผลให้ราคาหุ้น SABUY ร่วงดิ่งฟลอร์ภายใต้ความกังวลของนักลงทุนต่อหุ้นกู้ประมาณ 3.9 พันล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่า การประชุมจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องการเพิ่มทุน หากยกเลิกการประชุม จึงกังวลว่า จะมีการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ (Default) หรือไม่
นางสาวอริยา กล่าวว่าจากการตรวจสอบหุ้นกู้ SABUY มูลค่าดังกล่าวจะครบกำหนดปลายปีนี้ ประมาณ 1,500 ล้านบาท ที่เหลือครบกำหนดช่วงปี 2568และปี 2569แม้บริษัทดังกล่าวจะยกเลิกแผนเพิ่มทุนในครั้งนี้ และยังมีผลขาดทุนแต่บริษัทยังดำเนินการประกอบธุรกิจอยู่ และยังมีเวลาอีกราว 6 เดือนที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องให้เพียงพอ หลังจากนี้ หากบริษัทยังต้องจริงใจและตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดบางส่วนในปีนี้ ดังนั้น ช่วงที่เหลือปีนี้ เราคงต้องติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาของบริษัทที่ชัดเจนก่อน