แนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนครึ่งหลังปี 2024 – Let’s Get Cyclical
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครึ่งหลังของปี 2024 น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับตลาดการเงิน และอาจมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งซึ่งจะทราบผลอย่างเร็วที่สุดภายในวันที่ 5 พฤศจิกายนแต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่การประกาศผู้ชนะอาจใช้เวลานานกว่านั้นดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง การกระตุ้นทางการคลัง และตลาดแรงงานที่มีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน ยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะจีน กำลังอยู่ในภาวะซบเซาเนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนชะลอตัวทำให้เศรษฐกิจอันดับสองของโลกอ่อนแอลง
สำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปี 2024 และเข้าสู่ปี 2025 เราเห็นสัญญาณที่ดีในอนาคต อย่างแรก ผู้นำของจีนเริ่มยอมรับว่าจำเป็นต้องมีมาตรการสนับสนุนที่เฉพาะเจาะจงสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในขณะเดียวกัน นโยบายกระตุ้นที่ได้ดำเนินการในภาคอุตสาหกรรมของจีนก็น่าจะเริ่มเห็นผลซึ่งจะช่วยกระตุ้นการค้าโลกและช่วยหนุนความต้องการผู้ผลิตด้านอุตสาหกรรมในยุโรปและเอเชีย ที่ผ่านมาสินค้าคงคลังทั่วโลกหรือสต๊อกสินค้าอยู่ในระดับต่ำมาก วงจรการเติมสต๊อกสินค้ารอบใหม่น่าจะช่วยเสริมการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องมีการผลิตจำนวนมากเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเทศกาลสิ้นปี ซึ่งหมายความว่าภาคการผลิตน่าจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนกันยายน/ตุลาคม
ในสหรัฐฯ การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน ในทางตรงกันข้ามจีนได้เริ่มผ่อนคลายนโยบายแล้ว แต่ยังคงต้องมีการใช้เครื่องมืออื่นเพิ่มเติมเพื่อลดภาวะซบเซาของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยรวมแล้วเราคาดว่าเงินเฟ้อน่าจะถูกควบคุมได้ดี และธนาคารกลางน่าจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย แม้จะเริ่มต้นในเวลาที่แตกต่างกัน
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครึ่งหลังของปี 2024 น่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับตลาดการเงิน และเราอาจมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งซึ่งจะทราบผลอย่างเร็วที่สุดภายในวันที่ 5 พฤศจิกายนแต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่การประกาศผู้ชนะอาจใช้เวลานานกว่านั้นดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่น การเลือกตั้งในปี 2000 ระหว่าง Al Gore และ George W. Bush ซึ่งก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง ในด้านดีคือธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีเสถียรภาพและไม่น่าจะทำสิ่งใดที่ทำให้เกิดความผันผวนต่อทั้งเศรษฐกิจและตลาดการเงินซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยบวกสำหรับสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อพูดถึงสกุลเงินปลอดภัย นักลงทุนมักนึกถึงดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) และเงินเยน (JPY) แต่เมื่อเร็วๆ นี้ JPY ไม่ได้เหมาะกับบทบาทนี้อีกต่อไปเนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่นคาดว่าจะเปลี่ยนแปลงนโยบายจากการผ่อนคลายทางด้านการเงินที่ใช้มาหลายทศวรรษ นั่นหมายความว่า JPY ไม่น่าจะเคลื่อนไหวตามภาวะความผันผวนหรือความเสี่ยงของตลาดโลกอีกต่อไป แต่จะขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นแทน ดังนั้น ณ ตอนนี้ค่าเงินUSD ยังคงได้เปรียบจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้สกุลเงินที่เชื่อมโยงกับวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น AUD ก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นเมื่อ USD อาจจะอ่อนค่าลงภายหลังการลดอัตราดอกเบี้ยและวัฏจักรเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
ในด้านตราสารหนี้ ระดับอัตราดอกเบี้ยในสภาวะ New Normal จะสูงขึ้นในทศวรรษนี้เมื่อเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมา นักลงทุนพันธบัตรอาจต้องมีมีการปรับตัวที่รวดเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับรูปแบบการซื้อและถือเช่นในอดีต เช่น การซื้อพันธบัตรระยะยาวเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เคลื่อนไปใกล้จุดสูงสุดของปีที่แล้วที่ประมาณ 5% หรือสูงกว่า และขายเมื่ออยู่ต่ำกว่า 4%
แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มขึ้นและคาดการณ์ว่าธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะลดอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาด ตลาดหุ้นยังคงเดินหน้าต่อไปในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เราคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นขนาดใหญ่ โดยเน้นไปที่สหรัฐฯ ในระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะยังคงเป็นผู้นำในตลาดกระทิงอย่างต่อเนื่อง และเมื่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงดีขึ้น เราแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของวัฏจักรเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2024 เป็นต้นไป ภายในกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจ เราให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีการลดสินค้าคงคลังที่นานที่สุดในประวัติศาสตร์ มีบริษัทที่ยอดเยี่ยมมากมายที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตอย่างต่อเนื่อง (เช่น การพัฒนาด้านพลังงานไฟฟ้าและเครื่องจักรอัตโนมัติ Automation) แต่ราคาหุ้นปรับตัวลงเนื่องจากธุรกิจได้รับผลกระทบจากวัฏจักรเศรษฐกิจ ดังนั้นถ้าเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวตามที่คาดหวังหุ้นเหล่านี้ก็มีโอกาสฟื้นตัว อย่างไรก็ตามการให้ความสำคัญกับหุ้นคุณภาพภายในกลุ่มขนาดกลางเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงจะส่งผลลบต่อบริษัทที่ไม่มีคุณภาพ
ด้านภูมิภาดเอเชีย เราได้ปรับสถานะจีนเพิ่มขึ้นในกลยุทธ์ระยะสั้น การประชุม Politburo ในเดือนเมษายนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อท่าทีของรัฐบาลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นครั้งแรกในเกือบทศวรรษที่รัฐบาลเรียกร้องให้ลดสต๊อกในตลาดที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของเราการฟื้นตัวนี้เกิดในระยะสั้นมากกว่าเนื่องจากมีสถานการณ์ขาย Short จำนวนมากในช่วงที่ผ่านมาทำให้มีการซื้อหุ้นกลับคืนอย่างรวดเร็ว นักลงทุนที่สนใจการซื้อขายตามแนวโน้มอาจพิจารณาหุ้นที่มีเบต้า (beta) สูง โดยเฉพาะในภาคอินเทอร์เน็ต ในขณะที่การลงทุนในระยะยาวของเรายังคงชอบหุ้นที่มีเงินปันผลและคุณภาพสูง
ทั้งนี้ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและขอคำแนะนำจากผู้แนะนำการลงทุนของท่านเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน ข้อมูลนี้จัดทำโดยอาศัยที่มาจากแหล่งข้อมูลสาธารณะซึ่งปรากฎขณะจัดทำ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแต่ละขณะ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน