‘กำไร‘ 10แบงก์ ครึ่งปี 1.2 แสนล้าน ‘กสิกร-กรุงเทพ-กรุงไทย‘ 3อันดับสูงสุด!

‘กำไร‘ 10แบงก์ ครึ่งปี 1.2 แสนล้าน ‘กสิกร-กรุงเทพ-กรุงไทย‘ 3อันดับสูงสุด!

เปิดกำไรสุทธิ 10ธนาคารพาณิชย์ กำไรรวมไตรมาส 2 อยู่ที่ 6.2 หมื่นล้าน ลดลง แต่ครึ่งปีแรกกำไรรวมอยู่ที่ 1.26 แสนล้นาบาท โต 3.69% “กสิกรไทย-กรุงไทย-ทีทีบี-กรุงเทพ”ฟันกำไรครึ่งปีโตสูงสุด หลังสำรองลด บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

‘กำไร‘ 10แบงก์ ครึ่งปี 1.2 แสนล้าน ‘กสิกร-กรุงเทพ-กรุงไทย‘ 3อันดับสูงสุด! กำไรกลุ่มแบงก์ ถือเป็นที่จับตาต่อเนื่อง ว่ารอบไตรมาส 2 หรือครึ่งปีแรก จะออกมาดีต่อเนื่องหรือไม่ หรืออาจจะลดลง เพราะเจอแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หนี้เสีย หนี้ครัวเรือนท่วมระบบ จนอาจเป็นปัจจัยฉุดรั้งต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารให้ปรับตัวลดลงได้ หากเทียบกับช่วงไตรมาสที่ผ่านมา

ล่าสุด “กรุงเทพธุรกิจ” มีการรวบรวมผลประกอบการโดยรวมของ 10ธนาคารพาณิชย์ อาทิธนาคารกรุงเทพ(BBL) ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)ธนาคารกรุงไทย(KTB)เอสซีบี เอกซ์(SCB) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY)ธนาคารทิสโก้(TISCO) ธนาคารทหารไทยธนชาต(TTB)ธนาคารเกียรตินาคินภัทร(KKP)และธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์(LHFG)และธนาคารซีไอเอ็มบีไทย(CIMBT)

ไตรมาส2ปี 2567  กำไรโดยรวมของ 10แบงก์อยู่ที่ 62,910 ล้านบาท ลดลง 0.95% หากเทียบกับช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 63,511ล้านบาท  โดยธนาคารที่กำไรเติบโตโดดเด่นที่สุดไตรมาสนี้ หากดูกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ คงต้องยกให้กับ “ธนาคารกรุงเทพ” โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12.19% หรือ 11,807 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้า 

ถัดมา ธนาคารกรุงศรีฯ กำไรโดยรวมเพิ่มขึ้น 8.83% มาอยู่ที่ 8,209 ล้านบาท และหากดูธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็ก ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ก็ถือทำผลงานโดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสูงสุดในกลุ่มที่ 23% โดยมีกำไรโดยรวมที่ 419 ล้านบาท จาก 399 ล้านบาท 

ในทางกลับกัน ธนาคารที่กำไรลดลงมากที่สุดไตรมาสนี้ คือธนาคารเกียรตินาคินภัทร โดยกำไรลดลงถึง 48% มาอยู่ที่ 769 ล้านบาท จาก 1,506 ล้านบาท จากแรงกดดันด้านภาระการตั้งสำรองที่สูงขึ้น จากการระมัดระวังความเสี่ยงจากสินเชื่อเช่าซื้อที่สูงขึ้น ถัดมาคือ เอสซีบี เอกซ์ กำไรลดลง 11.23% มาอยู่ที่ 10,014 ล้านบาท  และกสิกรไทย กำไรสุทธิลดลงเช่นกันที่ 6.18% มาอยู่ที่ 12,653 ล้านบาท

โดยกำไรของธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ที่ลดลง หลักๆยังคงมาจาก ภาระสำรองหนี้เสียที่เพิ่มสูงขึ้น บวกกับรายได้ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมต่างๆที่ปรับตัวลดลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ครึ่งปีกำไร1.26แสนล้าน ‘กสิกร-กรุงไทย-กรุงเทพ-ทีทีบี’แชมป์สูงสุด

ครึ่งปี 2567 หากดูกำไรสุทธิโดยรวมของ 10 แบงก์ พบว่าอยู่ที่ 126,421 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 3.69% หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 121,917 ล้านบาท

ธนาคารที่กำไรมากที่สุดในรอบครึ่งปี คือธนาคารกสิกรไทย กำไรเติบโตขึ้นถึง 20% โดยมีกำไรสุทธิโดยรวมอยู่ที่ 26,139 ล้านบาท ถัดมา ธนาคารกรุงไทย กำไรเพิ่มขึ้น 10% มาอยู่ที่ 22,274 ล้านบาท และธนาคารทหารไทยธนชาต กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20%  กำไรสุทธิอยู่ที่ 10,689 ล้านบาท 

ส่วนธนาคารที่กำไรลดมากที่สุดในรอบครึ่งปีแรกอาทิ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ลดลง 34% ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ลดลง 25% ธนาคารเอสซีบี เอกซ์ ลดลง 6.86% 

กสิกรไทยครึ่งปีกำไรพุ่ง 20% 

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลงานในไตรมาส 2ที่ลดลง มาอยู่ที่ 12,653 ล้านบาท ลดลง 6.18% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หลัก ๆ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง ในขณะที่รายได้สุทธิจากการรับประกันภัยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ จำนวน 21,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.67%

ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานสุทธิมีจำนวน 50,429 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 1,060 ล้านบาท หรือ 2.75% เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ฟื้นตัวช้า และไม่ทั่วถึง ประกอบกับการยกระดับกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพ 

นอกจากนี้ ธนาคารยังมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 21,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมทางการตลาดและการดำเนินงานตามทิศทางธุรกิจ รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการขยายช่องทางการให้บริการลูกค้า

และส่วนหนึ่งจากเงินช่วยเหลือแทนความห่วงใยให้แก่พนักงาน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว โดยธนาคารมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายพนักงานภายใต้องค์รวมของกรอบงบประมาณที่วางไว้ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 43.40% 

ขณะที่รอบ 6 เดือนของธนาคาร ธนาคารได้บริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เกิดความคุ้มค่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.35% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ การตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยังคงเป็นการตั้งสำรองฯ ตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง รองรับความไม่แน่นอนของปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้กำไรสุทธิจำนวน 26,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.26%

กรุงไทย” กำไรพุ่ง10% 

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2567  อยู่ที่ 11,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 1.1 โดยรายได้รวมจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 3.1  

สินเชื่ออยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2566  แม้ปรับลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาจากการชำระคืนของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อภาครัฐ 
ขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานอื่นๆลดลงร้อยละ 7.3 จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 41.7 สินเชื่อด้อยคุณภาพปรับลงอยู่ที่ระดับ  98,701 ล้านบาท และ NPLs Ratio ที่ร้อยละ 3.12  

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารมุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างยืดหยุ่นและระมัดระวังต่อเนื่อง รักษา Coverage ratio ในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ พร้อมตั้งสำรองในระดับที่เหมาะสมใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 

ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 22,274 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 โดยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวร้อยละ 12.9 ทั้งจากการบริหารจัดการ Portfolio เพื่อรักษาสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มุ่งเน้นคุณภาพ และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น

รวมถึงการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 42.6

โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายอย่างระมัดระวังโดยธนาคารตั้งค่าเผื่อด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายตามศักยภาพของทรัพย์สินอย่างเหมาะสม

อีกทั้ง ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนเพื่อสร้างศักยภาพด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมลูกค้าในทุกภาคส่วนและเพื่อพร้อมรับการเติบโตของอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต 

ทีทีบี เน้นบริหารต้นทุนดันกำไรพุ่ง20% 
 

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย และสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารสามารถรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีความท้าทายและสร้างแรงกดดันต่อทั้งด้านรายได้และด้านคุณภาพสินทรัพย์ได้เป็นอย่างดี 

ทั้งนี้ ในการรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีการฟื้นตัวแบบไม่ทั่วถึง ธนาคารจึงมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงและต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยในด้านต้นทุนทางการเงิน ธนาคารดำเนินการบริหารพอร์ตสินทรัพย์และหนี้สินในเชิงรุกผ่านหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตเงินฝากให้สอดคล้องกับแนวโน้มสินเชื่อ การปรับระยะเวลาของพอร์ตเงินลงทุนเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนและทิศทางดอกเบี้ยในตลาดเงิน

รวมทั้งปรับพอร์ตตราสารหนี้ให้เหมาะสม  ขณะที่สินเชื่อเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะพอร์ตรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้านแลกเงิน (+7%) สินเชื่อรถแลกเงิน (+5%) และสินเชื่อบุคคล (+7%)  ส่งผลให้กำไรสุทธิของธนาคารในรอบครึ่งปีแรกออกมาเติบโตโดดเด่นที่ 10,689 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%