IMF ชี้ เวียดนามโตเฉลี่ย 6.5% ในอีก 5 ปีข้างหน้า ไตรมาส 2/67 จีดีพีสูงขึ้น 7%

IMF ชี้ เวียดนามโตเฉลี่ย 6.5% ในอีก 5 ปีข้างหน้า ไตรมาส 2/67 จีดีพีสูงขึ้น 7%

IMF คาดว่าเวียดนามจะเติบโตเฉลี่ย 6.5% ในอีก 5 ปีข้างหน้าได้ โดยในช่วงไตรมาสที่ 2/2567 GDP ของเวียดนามปรับขึ้นสูงถึง 7% บลจ.พรินซิเพิล มองตลาดหุ้นเวียดนามครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจจากทั้งใน และต่างประเทศ การเมืองที่มีเสถียรภาพ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนดีขึ้น

จุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า เวียดนามถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพเติบโตสูง และตลาดหุ้นมีความน่าสนใจเข้าลงทุนต่อเนื่องถึงแม้ว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งโดยมีจุดเด่นที่น่าจับตามอง ได้แก่

1) เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่คาดว่าจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเวียดนามจะเติบโตเฉลี่ย 6.5% ในอีก 5 ปีข้างหน้าได้ โดยในช่วงไตรมาสที่ 2/2567 ที่ผ่านมา GDP ของเวียดนามปรับขึ้นสูงถึง 7% จากปีก่อนจากการภาคอุตสาหกรรม และการผลิต

2) ประชากรในเวียดนามมีศักยภาพสูงทั้งด้านความสามารถด้านภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เนื่องจากรัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนศึกษาด้านวิศวกรรม และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ในขณะที่ค่าแรงของเวียดนามไม่สูงนัก ทำให้สามารถดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ได้ 3) บริษัทต่างๆ กระจายการลงทุนจากจีนมายังเวียดนามจากการใช้นโยบาย China+1 และเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่มีโอกาสรุนแรงขึ้นหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในช่วงปลายปีนี้ และ 4) การส่งออกของเวียดนามทั้งสินค้า และบริการเติบโตต่อเนื่อง
 

โดยเฉพาะการส่งออกสินค้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สอดคล้องกับเทรนด์ด้าน AI ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นในระดับสูงกว่าปี 2561 ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 5) เศรษฐกิจที่เติบโตแข็งแกร่ง ทำให้การบริโภคในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้น ประชาชนมีกำลังการบริโภคมากขึ้น ชนชั้นกลางเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขการค้าปลีกที่อยู่เหนือระดับ 9% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยในเดือนก.ค. ตัวเลขปรับขึ้นถึง 9.4% จากช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว

ถึงแม้ว่าค่าเงินดองจะอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้การเติบโตของตลาดหุ้นเวียดนามลดลง เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐาน และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/2567 ที่ออกมาแข็งแกร่ง ทั้งนี้ธนาคารกลางเวียดนามได้มีการแทรกแซงค่าเงินดองในช่วงที่ผ่านมา และทำให้สกุลเงินดองมีเสถียรภาพมากขึ้น และตลาดคาดว่าค่าเงินของหลายประเทศจะแข็งค่าขึ้นได้หากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

ในส่วนของการเมืองเวียดนามนั้นมีเสถียรภาพสูงเนื่องปกครองด้วยพรรคการเมืองเดียว ถึงแม้ว่านายเหวียน ผู จ่อง เลขาธิการพรรคสังคมนิยมซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของเวียดนามได้เสียชีวิตลงในวัย 80 ปีช่วงกลางเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดมากนัก เนื่องจากมีการวางระบบไว้เรียบร้อย โดยนายโต ลาม ประธานาธิบดีเวียดนาม จะเข้ารักษาการแทนจนกว่าจะครบวาระ

บลจ.พรินซิเพิล ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนเปิด “พรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้” (PRINCIPAL VNEQ) เป็น 20,000 ล้านบาท หรือ 2,000 ล้านหน่วย จากเดิมมีทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท หรือ 1,000 ล้านหน่วย เพื่อรองรับความต้องการจากนักลงทุน และตอกย้ำถึงศักยภาพกองทุนที่สามารถทำผลงานที่โดดเด่น และได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ที่สนใจการผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม

ขณะที่ ผลการดำเนินงานของกองทุนเปิด PRINCIPAL VNEQ ในเดือนมกราคม-มิถุนายน 2567 สร้างผลตอบแทน 21.49% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ทำได้ 4.46% โดยในปี 2566 ให้ผลตอบแทน 11.94% เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนามในประเทศไทย และสูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ทำได้ 5.03% (ที่มา: Morningstar ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567) นอกจากนี้กองทุนได้รับการจัดอันดับ Morningstar ระดับ 5 ดาว 

กองทุน PRINCIPAL VNEQ บริหารจัดการโดย บลจ.พรินซิเพิลโดยตรง ผู้จัดการกองทุน และนักวิเคราะห์จะทำบทวิเคราะห์ และประเมินมูลค่าหุ้นเวียดนามภายในเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ได้เหนือตลาด และคัดเลือกหุ้นที่มีลักษณะ FMV ครบ คือ F (Fundamental) ปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดที่ดี มีธรรมาภิบาลสูง M (Momentum) ราคาของหลักทรัพย์มีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่อง และมีสภาพคล่องมากเพียงพอ และ V (Valuation) มีมูลค่าที่เหมาะสม และสูงกว่าราคาปัจจุบัน

กองทุนเน้นการสร้างผลตอบแทนระยะยาว และหลีกเลี่ยงการลงทุนในหลักทรัพย์ที่นักลงทุนรายย่อยเก็งกำไรโดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็ก จากปรัชญาการลงทุนที่แข็งแกร่งทำให้กองทุน PRINCIPAL VNEQ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยสร้างผลตอบแทน 6 เดือนแรกได้ถึง 21.49% สูงกว่าดัชนีชี้วัดกว่า 17% ในขณะที่ควบคุมความเสี่ยงกองทุนได้ดีกว่าดัชนีชี้วัด
 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์