ธปท.ชี้ ลงทุนเอกชนดรอป ส่วนหนึ่งจากยอดซื้อรถกระบะร่วงแรง

ธปท.ชี้ ลงทุนเอกชนดรอป ส่วนหนึ่งจากยอดซื้อรถกระบะร่วงแรง

ผู้ว่าการ ธปท. ชี้ลงทุนเอกชนที่หายไป ส่วนหนึ่งเกิดจากยอดซื้อรถกระบะที่ดรอปลง เผยกำลังดูว่าเป็นปัจจัยชั่วคราวหรือไม่ ยอมรับห่วงกำลังซื้อที่เริ่มขยายวง ย้ำชัดพร้อมปรับนโยบายการเงินให้เข้ากับสถานการณ์

ตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เพิ่งประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเติบโต 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้จะใกล้เคียงกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คาดการณ์เอาไว้ แต่ถ้าดูไส้ในจะพบว่ามีตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวรุนแรง โดยลดลงถึง 6.8% ผิดไปจากที่ ธปท.คาดการณ์เอาไว้ค่อนข้างมาก 
 

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ธปท. กำลังติดตามดูเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตัวเลขหดตัวลงค่อนข้างมาก ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่ทำให้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวลงเกิดจากยอดซื้อรถกระบะลดลงไปมาก เพราะการซื้อรถกระบะถูกนับเป็นการลงทุน จึงทำให้ตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนโดยรวมลดลงตามไปด้วย 

"ช่วงที่ผ่านมาราคารถมือสองดรอปลงไปมาก กระทบต่อสินเชื่อที่กลายเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น จึงวนกลับมาที่กำลังซื้อรถกระบะที่ลดลงตามไปด้วย ตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลงจึงไม่ได้มาจากการลงทุนที่หายไปเป็นหลัก แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากยอดซื้อรถกระบะที่ดรอปลง เรากำลังดูว่าประเด็นที่เกิดขึ้นนี้เป็นปัจจัยชั่วคราวหรือไม่"
 


นอกจากนี้ นายเศรษฐพุฒิ ยังตอบคำถามถึงประเด็นที่ว่า ธปท. มองเศรษฐกิจดีเกินไปหรือไม่ด้วยว่า ที่ผ่านมา ธปท. ไม่เคยใช้คำว่าเศรษฐกิจดีเลย เพียงแต่บอกว่าเศรษฐกิจขยายตัวเข้าสู่ระดับศักยภาพ ซึ่งศักยภาพเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว ประมาณ 3% หย่อนลงมา

และสิ่งที่ ธปท. เริ่มกังวลเพิ่มเติมคือ ความเปราะบางของกำลังซื้อเริ่มขยายไปยังกลุ่มอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกลุ่มฐานรากบ้างแล้ว

"อย่างที่บอกว่านโยบายการเงินเรา More Open เพราะเราเห็นความอ่อนแออยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มฐานรากซึ่งตอนนี้ก็เริ่มขยายออกไป จากเดิมสินเชื่อบ้านที่มีปัญหามักเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 3 หมื่นบาท แต่ตอนนี้เราเริ่มเห็นการขยายวงออกไป ก็ติดตามดูสถานการณ์อยู่ ซึ่งเราย้ำว่าพร้อมจะปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์"

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์