บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ มองดัชนีหุ้นไทย สิ้นปีนี้ แตะ1,500จุดและ1,550 จุดในปี68
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ เจาะแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและไทยไตรมาสสุดท้ายปี 67 และ 68 ชี้เศรษฐกิจและการลงทุนกำลังเปลี่ยนผ่านเข้ายุคใหม่ แนะนำลงทุนด้วยความระมัดระวัง คาด SET Index ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,500 จุด ภายในปี 2567 และ 1,550 จุดในปี 2568
บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ มองภาพรวมเศรษฐกิจโลกและการลงทุนไตรมาส 4 ปี 67 เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มกลับมาชะลอตัวรอบใหม่ ดอกเบี้ยเปลี่ยนเป็นแนวโน้มช้าลงถึงปี 68
ต้องจับตานโยบายด้านเศรษฐกิจและการเมืองสหรัฐฯ ในปี 68 หลังรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 2567 นี้ ด้วยสภาพดังกล่าวมีโอกาสส่งผลให้ตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว (DM) มีความผันผวนได้
อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลง และ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีโอกาสช่วยหนุนความน่าสนใจของตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่ (EM) รวมถึงตลาดหุ้นไทย ที่ยังได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าจะ ฟื้นตัวดีในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการ Digital Wallet เฟส 1 ที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
ส่งผลให้คาดว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้า ประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,500 จุด ภายในสิ้น ไตรมาส 4 ปี 2567 และ 1,550 จุด ในปี 2568 หุ้นเด่น ได้แก่ BOMS CPALL GPSC HANA และ LHHOTEL
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า "ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ประกอบด้วย 1) ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่าจะยังคงขยายตัวได้และไม่เกิดภาวะถดถอย ตามที่ตลาดกำลังคาดการณ์หรือไม่ 2) ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจและการเมืองโลก เนื่องจากแนวนโยบายของทั้ง 2 พรรคแตกต่างกัน 3) ทิศทางธุรกิจเทคโนโลยีว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตใต้ต่อเนื่องหรือไม่ 4) นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในด้านอื่นๆ ต่อจาก Digital wallet คืออะไร ทั้งนี้ มีความเห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในช่วง เดือน ส.ค-ก.ย.
เนื่องจาก "วิกฤตความเชื่อมั่นคลี่คลาย" ส่งผลให้ราคาหุ้นกลับไปสะท้อนปัจจัยพื้นฐาน เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันเพิ่มขึ้นกว่า 30% จากค่าเฉลี่ย 8 เดือนของปี 2567 นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิต่อเนื่องเดือนที่ผ่านมากกว่า30,000 ล้านบาท และทำให้ตลาดหุ้นไทยมีผลตอบแทนที่ใกล้เคียงตลาดหุ้นเพื่อนบ้านมากขึ้น
ตลาดหุ้นไทยพ้นวิกฤติแล้ว “เพียงแต่ว่าเราจะไปไกลได้แค่ไหน” รอบปัจจัยใหม่มาผลักดัน ขณะที่ผลของมาตรการสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ใช่มาตรการอัพติ๊ก พบว่าธุรกรรมชอตเชลลดลง ลดความผันผวนในตลาด และการที่มีกองทุนวายุภักษ์ จะมีเม็ดเงินมารองรับ ในอีก10ปีข้างหน้า ช่วยลดดาวน์ไซด์และ สร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดหุ้นไทย จากขณะนี้พบว่ามียอดจองซื้อกองทุนวายุภักษ์แล้วกว่า2แสนล้านบาทคาดว่ายอดจอดซื้อจะเต็มจำนวน3แสนล้านบาทแน่นอน ”