YLG แนะ 6 วิธีสังเกตทองแท้ง่ายๆด้วยตนเอง
วายแอลจีชี้ เทรนด์ทองคำยังพุ่งต่อแม้ราคาทำจุดสูงสุดใหม่หลายครั้ง ส่งผลทองคำในประเทศทรงตัวระดับสูงตามเทรนด์ทองคำโลก แม้จะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินบาท จนล่าสุดสร้างความกังวลนักลงทุนกลัวปัญหาทองปลอมระบาด เผย 6 เทคนิค สังเกตทองแท้ง่ายๆ
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ปรับตัวขึ้นทำ All Time High อีกครั้ง ที่ระดับ 2,640 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ (ณ วันที่ 24 ก.ย. 2567 เวลา 12.15 น.) ขณะที่ ราคาทองคำแท่ง 96.5% อยู่ที่ระดับ 41,000 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาทองคำในประเทศนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างหวือหวา เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทุกครั้งที่เงินบาทแข็งค่า 10 สตางค์ จะส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศลดลง 90 - 120 บาทต่อบาททองคำ
แต่ถึงอย่างนั้น ราคาทองในประเทศก็ยังมีทิศทางปรับตัวขึ้นตามราคาทองคำในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มดังกล่าวจึงส่งผลให้ปัจจุบันมีกระแสเรื่องทองปลอมส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้น
วายแอลจี จึงมี 6 วิธีแนะนำการสังเกตทองคำ ดังนี้
1.) สังเกตที่สีของทองต้องไม่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะสีคราบตรงรอยต่อ ไม่มีรอยถลอก รอยลอก
2.) เลือกซื้อทองคำกับผู้ค้าที่มีความน่าเชื่อถือไว้ใจได้ และสังเกตตราประทับสัญลักษณ์ของร้านทองต้องชัดเจน
3.) ตรวจสอบน้ำหนักทองคำให้ตรงกับจำนวนที่ซื้อ ขนาดทองคำต้องสัมพันธ์กับราคาทอง รวมถึงต้องขอใบเสร็จรับรองน้ำหนักทองคำจากผู้ขายทุกครั้ง
4.) ไม่ซื้อทองคำที่ราคาต่ำกว่าราคาที่สมาคมค้าทองคำประกาศ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเป็นทองปลอม
5.) ทองคำแท้ไม่ดูดแม่เหล็ก เนื้อทองคำจะอ่อน รวมถึงเนื้อทองคำต้องไม่มีสิ่งปลอมปนทำให้ตัวทองคำบิดเบี้ยว
6.) ทองคำแท้หากแช่กรดไนตริก จะไม่มีการเกิดปฏิกิริยาใดๆ ไม่เปลี่ยนสี หรือหลอมละลาย
โดยทองคำที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยนั้นมี 2 มาตรฐาน แบ่งเป็นทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% และทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% ซึ่งราคาทองคำทั้ง 2 ประเภทนี้จะแตกต่างกัน
ดังนั้น ก่อนซื้อจะต้องสอบถามกับทางร้านค้าให้แน่ใจว่าเป็นทองมาตรฐานใด นอกจากนี้รูปแบบของการจำหน่ายทองคำกายภาพ ยังมีทั้งที่เป็นทองคำแท่งที่เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ขนาดเล็กเพียง 1 กรัม ที่ทางวายแอลจีจัดจำหน่ายในรูปแบบการ์ดทองคำ จำหน่ายในราคาหลักพัน ไปจนถึงทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท ส่วน
ทองคำรูปพรรณนั้น มีทั้งแบบที่เป็นเครื่องประดับ และ แบบที่เป็นทองคำรูปแบบพิเศษ เช่น ปี่เซียะ กิมตุ้ง หรือเหรียญทองคำปีนักษัตรสำหรับสะสม เป็นต้น
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำแท่งสามารถลงทุนผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างสะดวก ผ่าน แอปพลิเคชัน YLG Online ได้แบบเรียลไทม์ โดยการวางเงินประกันขั้นต่ำ 50,000 บาท สามารถลงทุนทองคำแท่ง 99.99 ได้ถึง 1 กิโลกรัม และลงทุนทองคำ 96.5 ได้ถึง 10 - 60 บาททอง
นอกจากนี้ วายแอลจีมองว่าการลงทุนสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar-Cost-Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการออม และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย สำหรับนักลงทุนมือใหม่วายแอลจีแนะนำแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG ที่วายแอลจีเปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง
โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน