เงินบาทช่วงเช้าวันนี้ แข็งค่าสุดรอบ 2ปีครึ่ง ตามเงินหยวน-ราคาทองพุ่ง

เงินบาทช่วงเช้าวันนี้ แข็งค่าสุดรอบ 2ปีครึ่ง ตามเงินหยวน-ราคาทองพุ่ง

”เงินบาท“ช่วงเช้าวันนี้ แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ2ปีครึ่ง ที่ 32.563 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนกลับมาเคลื่อนไหวระดับ 32.62-32.64 บาทต่อดอลลาร์ สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค ตามเงินหยวนและราคาทองพุ่งต่อ ดอลลาร์กดดันหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแย่ พร้อมจับตาส่งออกไทย

ความเคลื่อนไหว"เงินบาท"ช่วงเช้าวันนี้ (25 ก.ย.67) แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ2ปีครึ่ง ( 30 เดือน) ที่ 32.563 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.62-32.64 บาทต่อดอลลาร์ นับเป็นการ แข็งค่าต่อเนื่องจากระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.86 บาทต่อดอลลาร์

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค นำโดยเงินหยวนในตลาด Offshore และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก

เงินบาทช่วงเช้าวันนี้ แข็งค่าสุดรอบ 2ปีครึ่ง ตามเงินหยวน-ราคาทองพุ่ง

 

ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด (ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลงมาที่ 98.7 ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 104 และต่ำกว่าระดับ 105.6 ในเดือนส.ค.)

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังขาดแรงหนุน ท่ามกลางกระแสการคาดการณ์ของตลาดว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขนาดที่มากกว่า 25 basis points ในการประชุมครั้งถัดๆ ไป 

 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.50-32.70 บาทต่อดอลลาร์ และในระยะสั้น เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าไปทดสอบแนว 32.50 และ 32.10 บาทต่อดอลลาร์ฯตามลำดับ

ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนส.ค. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก  และตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค. ของสหรัฐฯ  

นายปิยะศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ กล่าวว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางนโยบายการเงินอาจเป็นไปได้ที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าในระดับเดียวกับไตรมาส 3 (ที่ประมาณ 12%) ซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับต่ำกว่า 30 บาท

จะทำให้การส่งออกรูปเงินบาทหดตัวรุนแรงมากกว่า -15% ในช่วง 5 เดือนหลัง และหดตัวมากกว่า -1.0% ทั้งปีนี้  แม้ว่าการส่งออกรูปเงินดอลลาร์จะไม่หดตัวก็ตาม

แต่หากมีการลดดอกเบี้ยในการประชุมกนง. 16 ต.ค. และ 18 ธ.ค. แล้ว ค่าเงินบาท ณ สิ้นปี อาจไปอยู่ที่ระดับ 35.5 บาท ซึ่งจะทำให้ค่าเฉลี่ยเงินบาททั้งปีนี้อยู่ที่ 36 บาทต่อดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกหลายฝ่ายเห็นว่าเหมาะสมได้

แต่อย่างไรก็ตาม สมมติฐานหลักในปีนี้ จากอัตราดอกเบี้ยเฟด Fund rate ณ สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 4.4% แบงก์ชาติ มีโอกาสลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้จำนวน 2 ครั้ง มาอยู่ที่ 2.00% จากปัจจุบันที่ 2.50% เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ และช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทด้วย กลับไปอ่อนค่า เฉลี่ยที่ 36 บาท