เศรษฐศาสตร์ 830 คน ร้อง 7 กรรมการคัดเลือก ยึดหลัก รักษาความเป็นอิสระแบงก์ชาติ

เศรษฐศาสตร์ 830 คน  ร้อง 7 กรรมการคัดเลือก ยึดหลัก รักษาความเป็นอิสระแบงก์ชาติ

หวั่นกลุ่มการเมืองไม่หยุด แบงก์ชาติถูกครอบงำ เศรษฐกิจไร้เสถียรภาพ ขาดความน่าเชื่อถือ 830 คนร่วมลงชื่อกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม เรียกร้อง 7 กรรมการคัดเลือก ยึดมั่นหลักการ “รักษาความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย”

ตามที่กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 4 ท่าน นักวิชาการ คณาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์และสาขาอื่น ๆ หลายสถาบันทั้งในอดีตและปัจจุบัน ร่วมลงชื่อกว่า 830 คน  ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 แสดงความห่วงใยการครอบงำธนาคารแห่งประเทศไทย โดยกลุ่มการเมืองผ่านการคัดสรรประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย 

ต่อมาประธานคณะกรรมการคัดเลือกได้ขอเลื่อนการพิจารณาลงมติเลือกประธานและกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยออกไปเป็นวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายนนี้ และได้ปรากฏกลุ่มบุคคลและบุคคลที่ใกล้ชิดกลุ่มการเมืองบางส่วนออกมาแสดงความเห็นโต้แย้ง ดังนี้

ประการที่หนึ่ง แสดงความเห็นสนับสนุน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง โดยระบุว่าเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย 

กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมขอเรียนว่า พวกเราไม่ได้สนใจตัวบุคคลว่านายกิตติรัตน์ ณระนอง เป็นคนเก่งหรือไม่

แต่เป็นห่วงกังวลในหลักการว่าผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องไม่เป็นผู้มีความสัมพันธ์อันแนบแน่นทางการเมือง ต้องไม่เคยกระทำหรือแสดงให้เห็นถึงเจตนาในการแทรกแซงกดดัน ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินนโยบายทางการเงินตามที่ฝ่ายการเมืองต้องการ  

เพราะหากธนาคารกลางของไทยต้องดำเนินการตามความต้องการของฝ่ายการเมือง ย่อมทำลายความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง ที่ต้องรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคงในระยะยาว และอาจสร้างความร่ำรวยให้กับกลุ่มธุรกิจหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งบุคคลใด

ทางกลุ่มไม่ได้เจาะจงตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หรือนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์  แต่เกรงว่าผู้ใดก็ตามที่มีความสัมพันธ์และคุณลักษณะดังกล่าว ย่อมเป็นที่ห่วงกังวล และยิ่งถ้าผู้นั้นเป็นคนเก่งมีความสามารถสูงก็ยิ่งสร้างความห่วงกังวลว่าอาจใช้ความเก่งความสามารถในการแทรกแซงครอบงำได้

ประการที่สอง มีข้อโต้แย้งว่าธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ควรมีความเป็นอิสระจากการเมือง เนื่องจากเคยทำผิดพลาดมาก่อน เช่น ในวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 จึงเป็นการสมควรที่รัฐบาลสามารถเข้าแทรกแซงได้

กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ขอเรียนว่าการอ้างความผิดพลาดในอดีตเพื่อเข้าแทรกแซง ไม่เป็นเหตุและผลเพียงพอ  เพราะการแทรกแซงโดยภาคการเมืองอาจก่อให้เกิดได้ทั้งผลดีและผลเสีย ไม่ควรมองว่าเป็นผลดีอย่างเดียว ในขณะที่ข้อมูลเชิงประจักษ์จากประสบการณ์ทั่วโลกแสดงว่าการแทรกแซงมักก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีอย่างเทียบไม่ได้

หลักการความเป็นอิสระของธนาคารกลางที่ยึดถือกันทั่วโลก จะนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง ซึ่งหมายถึงความน่าเชื่อถือของการดำเนินนโยบายการเงินด้วย หากธนาคารกลางไม่เป็นอิสระและถูกสั่งการได้โดยฝ่ายการเมือง การดำเนินนโยบายการเงินก็จะไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ

เพราะฝ่ายการเมืองมีปัจจัยแปรผัน กดดัน หรือจูงใจจำนวนมาก คาดเดาได้ยาก ความไม่แน่นอนจะเป็นผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจเพราะก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงนโยบายที่กระทบภาคธุรกิจอย่างมาก 

และที่สำคัญที่สุด หากความน่าเชื่อถือของนโยบายการเงินหมดไป ความสามารถที่จะรักษาเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายก็จะหมดไปเช่นกัน ส่งผลให้เงินเฟ้ออาจทะยานสูงขึ้นและควบคุมยากเพราะนโยบายการเงินขาดความน่าเชื่อถือเสียแล้ว ซึ่งเป็นผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

ถ้าจะกล่าวโดยหลักการแล้ว ธนาคารกลางทั่วโลกรวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงสถาบันทุกแห่งสามารถทำผิดพลาดได้ในบางครั้ง  กระบวนการดำเนินนโยบายจะต้องเน้นให้ธนาคารกลางมีความรับผิดชอบต่อสาธารณะผ่านการดำเนินนโยบายการเงินที่โปร่งใสอธิบายได้ พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน

และแก้ไขเมื่อพบข้อผิดพลาด   ในเรื่องของความโปร่งใสธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงระเบียบและแนวปฎิบัติภายหลังวิกฤติปี 2540 อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเป็นธนาคารกลางที่ได้รับการประเมินในระดับที่ดีในระดับสากล

กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมและภาคส่วนต่างๆ ขอเรียกร้องอีกครั้งให้คณะกรรมการคัดเลือกทั้ง 7 ท่าน ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกประธานและกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยพิจารณาอย่างถ่องแท้ต่อคุณสมบัติที่เป็นหลักสากลของผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกลางทั่วโลก 

ต้องคำนึงถึงประโยชน์และเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ปราศจากความเกรงใจและความสัมพันธ์ทางการเมือง ยึดมั่นหลักการที่สังคมไทยในอดีตได้พยายามสร้างให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นสถาบันที่เป็นอิสระจากการครอบงำเพื่อหาผลประโยชน์ในระยะสั้นทางการเมือง 

กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม

9 พฤศจิกายน 2567

หมายเหตุ ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 มีผู้ร่วมลงนามสนับสนุนข้อเรียกร้องแสดงความห่วงใยธนาคารแห่งประเทศไทยกับกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม  830 คน  (รวมผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 4 ท่าน)