พลเมืองโลก

พลเมืองโลก

ไม่มีใครบังคับว่าแต่ละคนจะต้องอยู่สังกัดเดียวตลอด ทุกคนมีอิสระที่จะย้ายสังกัดได้ หากสังกัดใหม่ยอมรับ แต่หากไม่ต้องการย้าย ประชากรที่ดี ควรจะช่วยพัฒนา ปรับปรุง บ้านเกิดเมืองนอนของตนเองให้ดีขึ้น

ระยะนี้ได้ยินคุณพ่อคุณแม่คุยกันเรื่องอนาคตของลูกหลาน โดยเฉพาะลูกหลานที่เป็นคนรุ่นใหม่ จบการศึกษาจากต่างประเทศ บางคนก็เรียนโรงเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็ก สนใจปัญหาและความเป็นไปต่างๆ ในโลก แต่ไม่ค่อยสนใจปัญหาและความเป็นไปต่างๆ ในประเทศของตัวเอง ต้องการทำงานแบบไร้พรมแดน ต้องการโอกาสในการเติบโต ซึ่งเขามองว่างานที่เหมาะกับเขา และโอกาสในการเติบโตที่เขาอยากได้นั้น ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนไม่มีให้ พวกเขาเหล่านี้ บางคนใช้เวลาเดินทางและอยู่ในต่างประเทศ มากกว่าประเทศของตนเอง

ที่ดิฉันกล่าวถึงนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่เกิดขึ้นทั่วโลก เท่าที่สังเกตเห็นจะเป็นคนรุ่นใหม่จากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ไปเรียนและได้งานทำในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งหากเป็นสมัย 20 ปี ถึงหลายร้อยปีก่อน หากอยากทำงานในประเทศอื่น ต้องอพยพไปตั้งรกรากในประเทศนั้นๆ แต่พอการสื่อสารในยุค 5G เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ข้อมูล รูปภาพ ไฟล์งานต่างๆ สามารถส่งไปหรือไปแสดง หรือบรรยาย ที่ไหนก็ได้ เสมือนไปด้วยตนเองจริงๆ จึงไม่จำเป็นจะต้องนำตัวเองไปอยู่ในที่ที่ต้องการทำงาน

มีสิ่งหนึ่งที่คนเข้าใจผิด การเป็นพลเมืองโลก (Global Citizen) ไม่ได้หมายความว่าเป็นการประกาศว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับประเทศตัวเอง 

พลเมืองโลกในความหมายที่ใช้กัน หมายถึงการรู้สำนึกถึงคุณค่าของทรัพยากรต่างๆของโลก ว่ามีอย่างจำกัด ตระหนักถึงปัญหาต่างๆของโลก และพยายามหาทางทำให้โลกนี้ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ ฯลฯ แต่ก็ต้องตระหนักถึงปัญหาต่างๆของประเทศที่ตนเองอาศัยอยู่ด้วย 

ถ้าเป็นพลเมืองของประเทศที่ดีไม่ได้ จะเป็นพลเมืองโลกที่ดีได้อย่างไร

การเป็นพลเมืองของประเทศใด หรือเขตเศรษฐกิจใด หมายถึงการได้รับสิทธิในเรื่องต่างๆมากมาย เช่น สิทธิในการเลือกตั้ง สิทธิในการซื้อที่ดิน สิทธิในการได้รับสวัสดิการต่างๆ ทั้งทางด้านการศึกษา ด้านสุขภาพ ด้านการคมนาคม และรัฐสวัสดิการอื่นๆ รวมถึงสิทธิในการได้รับความคุ้มครองความปลอดภัยด้วย 

ในทางกลับกัน พลเมืองของประเทศใด ก็มีหน้าที่ต้องปกป้องประเทศ ทั้งต้องหวงแหนสิทธิต่างๆเหล่านี้ให้กับคนที่สมควรได้รับด้วย ไม่ใช่เห็นแก่เงินเล็กๆน้อยๆ ยอมขายสิทธิ ร่วมมือยอมให้คนอื่น(ส่วนใหญ่เป็นคนไม่ดี)มาสวมสิทธิ และปกป้องไม่ให้คนในประเทศที่ไม่รักประเทศมาบ่อนทำลายความมั่นคงทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ

ลองนึกภาพว่าท่านไปทำงานอยู่ต่างประเทศ เกิดสงครามหรือความไม่สงบขึ้น ประเทศต่างๆก็ส่งเครื่องบินไปรับพลเมืองของตนกลับประเทศ หากท่านไม่มีสังกัด ใครจะมารับท่าน ใครจะมาส่งข้าวส่งน้ำ หรือส่งหน่วยพยาบาลหรือความช่วยเหลือให้ท่าน ท่านอาจจะตอบว่าองค์การระหว่างประเทศ แต่หลังจากรับแล้ว ท่านจะไปไหน หากท่านไม่มีประเทศที่ท่านสังกัด 

เรื่องการมีสังกัดนี้ เป็นเรื่องที่คนญี่ปุ่นยึดมั่นมากค่ะ ที่ดิฉันเรียนมาในวิชาสังคมวิทยาที่ประเทศญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นยังมีวัฒนธรรมของชาวเกาะ คืออยู่กันอย่างเหนียวแน่น เวลามีคนแปลกหน้าเข้ามา ชาวเกาะจะมามุงดูใช่ไหมคะ นั่นแหละค่ะ วัฒนธรรมของชาวเกาะ เขามีสังกัดที่เป็นชาวเกาะ และเขารู้สึกว่าคนไม่มีสังกัดก็เหมือนเป็นคนแปลกหน้า การมีสังกัด มีนามบัตรองค์กรที่ตนสังกัดจึงเป็นเรื่องสำคัญ

โดยข้อเท็จจริง คนที่จากบ้านเกิดเมืองนอนไปที่อื่น มักจะมีความสำนึกในสังกัดตัวเอง มักจะมีความรักชาติมากขึ้น สาเหตุหนึ่งเพราะจากสิ่งที่คุ้นชินไปจึงคิดถึง อีกสาเหตุหนึ่งคือเพราะต้องตอบคำถามที่มีคนถามเกี่ยวกับสังกัดของเราเป็นประจำ จึงต้องค้นคว้าหาข้อมูล จึงทำให้เรียนรู้เกี่ยวกับบ้านเมืองของตนเองมากขึ้น ท่านสามารถสอบถามนักเรียนแลกเปลี่ยนทุกคนได้ค่ะ ดิฉันคิดว่าเกือบทั้งร้อยละร้อยจะรักชาติเพิ่มขึ้นหลังจากต้องจากไปอยู่ที่อื่น

การไปเปิดหูเปิดตาที่อื่น ควรจะเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราจะเกิดการเปรียบเทียบ หากของเราดีกว่า เราย่อมภูมิใจ หากของเขาดีกว่า เราควรจะเรียนรู้ว่าจะสามารถนำมาปรับปรุงของเราได้อย่างไร ไม่ใช่นำมาบ่น หรือใช้เปรียบเทียบโดยทำให้ประเทศของตนดูด้อยค่าลงไป

หากไม่เห็นหนทางว่าจะปรับปรุงได้อย่างไร ก็ขอให้อย่าท้อถอย อย่าทำให้ตนเองจิตตก อยากหนีไปไกลๆ เราต้องสู้ค่ะ สู้เพื่อความถูกต้อง สู้เพื่อทำให้ประเทศของเราดีขึ้น สู้คนเดียวไม่ไหว ก็รวมพลังกัน สั่งสอนอบรมลูกหลานและคนที่เราพบเจอ ให้มีค่านิยมที่ถูกต้อง ให้เป็นคนดี มีศีลธรรม รู้จักผิดชอบชั่วดี บ้านที่มีแต่คนดีๆอาศัยอยู่ เมืองที่มีแต่คนดีๆอาศัยอยู่ ย่อมน่าอยู่แน่นอน ไม่เกิดในรุ่นนี้ ก็อาจจะเกิดในรุ่นต่อไป 

จริงๆแล้ว ไม่มีใครบังคับว่าแต่ละคนจะต้องอยู่สังกัดเดียวตลอด ทุกคนมีอิสระที่จะย้ายสังกัดได้ หากสังกัดใหม่ยอมรับ แต่หากไม่ต้องการย้าย ประชากรที่ดี ควรจะช่วยพัฒนา ปรับปรุง บ้านเกิดเมืองนอนของตนเองให้ดีขึ้น ไม่ใช่ทำร้าย ทำลาย หรือรุมโทรม หรือบ่อนทำลาย ไม่ว่าจะด้วยการกระทำ ด้วยวาจา ด้วยใจ หรือด้วยความคิด หากไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง ก็ย้ายออกไปเสียเถิด

ตอนนี้มีแนวโน้มใหม่ คนเชื้อสายเอเชียรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นลูกหลานของชาวเอเชียอพยพในครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในประเทศตะวันตก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา อยากมาอยู่ประเทศไทย เพราะค่าครองชีพไม่สูง อากาศไม่ร้อนจัดหนาวจัดเกินไป ภัยธรรมชาติไม่รุนแรง อาหารอร่อยและถูกมาก (เมื่อเทียบกับรายได้ของเขา) การคมนาคมสะดวก โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลถือว่าดีถึงดีมาก และที่สำคัญคือ ผู้คนเป็นมิตร

ได้ข่าวแล้วอยากรับ กลุ่มทัศนคติเป็นบวกต่อประเทศเรา มาเป็นประชากรจริงๆ ค่ะ