MTC ลั่นปีนี้ ‘สินเชื่อ‘ โต15% ยึดหลักเข้มปล่อยกู้-เน้นลูกค้าเดิม

MTC ลั่นปีนี้ ‘สินเชื่อ‘ โต15% ยึดหลักเข้มปล่อยกู้-เน้นลูกค้าเดิม

“เมืองไทยแคปปิตอล” รับสถานการณ์ปล่อยกู้โดยรวมแบงก์-นอนแบงก์เข้ม เช่นเดียวกันบริษัท เน้นปล่อยกู้ “ลูกค้าเดิม” เป็นหลัก หวังป้องเกิดหนี้เสียใหม่ คาดปี 68 รายได้เติบโต 10-15% แตะ 1.9 แสนล้าน พร้อมคุมคุณภาพหนี้เสียไม่ให้เกิน 2.70%

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC กล่าวว่า จากสถานการณ์การปล่อยสินเชื่อในปัจจุบัน ยอมรับว่า สถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

โดยการดูเครดิตลูกค้ามากขึ้น จากทิศทางหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ ในส่วนของ MTC ไม่ได้มีการเร่งปล่อยสินเชื่ออยู่แล้ว ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันการให้สินเชื่อโดยรวมยังอยู่ที่ราว 45- 50% ของหลักประกัน เนื่องจากเพื่อป้องกันกรณีเกิดหนี้เสียต่างๆ แต่สถานการณ์ยึดรถที่มากขึ้น ในส่วนนี้แม้ได้รับผลกระทบบ้าง แต่ไม่มากนักเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทยังเป็นลูกค้าที่ใช้รถกระบะปิกอัพในการนำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่ปัจจุบันใช้ทำมาหากิน ดังนั้นลูกค้ายังมีความพยายามต่อเนื่องในการชำระ เพื่อมีรถใช้ทำอาชีพต่อได้

“เราป้องกันตัวเองพอสมควร โดยให้สินเชื่อเพียงครึ่งหนึ่งของหลักประกัน ไม่ได้ให้เยอะเหมือนอดีต โดยรถจักรยานยนต์ให้สินเชื่อเฉลี่ยอยู่เพียง 18,000 บาท และรถกระบะเฉลี่ยที่ 80,000 บาท หรือหากลูกค้าดีก็ให้มากกว่านั้น”

สำหรับ ปี 2567 บริษัทคาดสินเชื่อโดยรวมจะเติบโตที่ราว 15-20% จากปีก่อน และคาดปี 2568 การเติบโตสินเชื่อน่าจะอยู่ 10-15% หรือเติบโตขึ้นอีก 2 หมื่นล้านบาท หากพอร์ตคงค้างสินเชื่อปี 2567 อยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท แม้เติบโตน้อยลง แต่ยังเป็นการโตมากว่าอุตสาหกรรมที่คาดโตเพียง 5-10% เท่านั้น

โดยปัจจัยที่มองสินเชื่อโดยรวมปีนี้อาจเติบโตน้อยลง สาเหตุมาจากแบงก์และผู้ให้บริการทางการเงิน ยังคงระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อต่อเนื่อง ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบมีน้อยลง จากทิศทางหนี้เสียที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมาจากการควบคุมคุณภาพหนี้ของผู้ให้บริการทางการเงิน ที่ต้องสินเชื่อน้อยลง ทำให้การเติบโตสินเชื่อมีจำกัดมากขึ้น เช่นเดียวกับ MTC ที่คาดว่าการปล่อยกู้โดยรวมลดลง เช่น สินเชื่อที่มีหลักประกัน การปล่อยกู้เฉลี่ยน่าจะลดลงเหลือ 45% ของมูลค่าหลักประกัน จากก่อนหน้าที่เฉลี่ยอยู่ที่ 50%

สำหรับ แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปีนี้จะพยายามควบคุมหนี้เสียให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้นไม่เกิน 2.70% จากปัจจุบันที่ 2.80% ซึ่งหากเทียบกับปีที่ผ่านมา หนี้เสียของบริษัทมีการปรับลดลงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการควบคุมคุณภาพหนี้ต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สำหรับฐานลูกค้าปัจจุบันของ MTC อยู่ที่ราว 3.6 ล้านคน โดยต่อคนมีสินเชื่ออยู่กับ MTC เฉลี่ยที่ 1.3 บัญชี

นอกจากนี้ แผนธุรกิจของ MTC ในระยะข้างหน้า ยังมีเป้าหมายในการเติบโตอย่างมีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งหวังในการมีเครดิตเรตติ้งที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครดิตเรตติ้งในต่างประเทศ จากปัจจุบันที่เครดิตเรตติ้งอยู่ระดับ BB- เป็น BB+ ซึ่งจะหนุนให้การระดมทุน การกู้เงินของบริษัทในต่างประเทศมีต้นทุนที่ถูกลงในอนาคต

“เราเป็นธุรกิจที่ไม่รับฝากเงิน ดังนั้นแหล่งเงินทุนที่เราได้มา ต้องมีความหลากหลาย และมีความสำคัญมากกับธุรกิจของ MTC หากเราจำกัดตัวเองให้กับแหล่งเงินในประเทศอาจเผชิญกับความท้าทายได้ ดังนั้นเราต้องพยายามทำตัวเองให้ดี เพื่อให้เครดิตเรตติ้งในต่างประเทศเราเพิ่มขึ้นอีก เพื่อให้ต้นทุนการกู้เงินลดถูกกว่านี้อีก แต่เราก็พยายามลิมิตตัวเอง ว่าการระดมทุนในต่างประเทศ การกู้เงินต่างๆจะอยู่ที่ราว 20-25% ที่เหลือเป็นแหล่งเงินในประเทศ”

โดยปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อของ MTC มีสินเชื่อคงค้างอยู่ในระบบราว 1.6 แสนล้านบาท ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 โดยในนี้เป็นพอร์ตสินเชื่อทะเบียนรถมีหลักประกัน 80% ที่เหลือ 5-10% เป็นพอร์ตสินเชื่อโดยใช้ที่ดินเป็นหลักประกัน และสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน (คลีนโลน) เช่นสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์