ราคาทองคำพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ 3,040 ดอลลาร์ จากสงครามกาซา ภาษี

ราคาทองคำพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ 3,040 ดอลลาร์ ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และความไม่แน่นอนด้านภาษีศุลกากรของทรัมป์ ทำให้ทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ ครั้งที่ 14 ในปีนี้
รอยเตอร์ส รายงานภาวะตลาดทองคำโลกวันอังคาร (18 มี.ค.68) ว่าราคาทองคำพุ่งขึ้น 1% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ในวันอังคาร โดยยืนเหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนด้านการค้าอันเนื่องมาจากแผนภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัยดังกล่าว
ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) แตะระดับสูงสุดของช่วงต้นวันที่ 3,038.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อเวลา 12.00 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (16.00 GMT) พุ่งขึ้น 1.05% สู่ระดับ 3,032.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือ 3,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มีนาคม
ราคาทองคำตลาดซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) พุ่งขึ้น 1.2% สู่ระดับ 3,040.80
ทองคำแท่งซึ่งพุ่งสูงอย่างโดดเด่นเมื่อปีที่แล้ว ยังคงรักษาโมเมนตัมไว้ได้ในปีนี้เช่นกัน โดยพุ่งขึ้นมากกว่า 15% ในปีนี้ และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 14 ครั้ง
"ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางทหารต่อเป้าหมายของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ซึ่งคุกคามการหยุดยิง ส่งผลให้มีการเสนอซื้อทองคำเพิ่มขึ้น" นิกกี้ ชีลส์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์โลหะของ MKS PAMP SA กล่าว
การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลสังหารผู้คนมากกว่า 400 รายในฉนวนกาซา ซึ่งสั่นคลอนข้อตกลงหยุดยิง 2 เดือน
ในขณะเดียวกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอแผนภาษีศุลกากรของสหรัฐ หลายฉบับ รวมถึงภาษีนำเข้าเหล็ก และอะลูมิเนียมในอัตราคงที่ 25% ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ รวมถึงภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ และแบบรายอุตสาหกรรมซึ่งเขากล่าวว่า จะบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน
โดยทั่วไปแล้ว ทองคำถือเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจหรือภูมิรัฐศาสตร์ไม่มั่นคง
ขณะนี้ นักลงทุนจับตาผลการเจรจาระหว่างทรัมป์กับปูตินอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าเขาจะผลักดันให้มีการหยุดยิงในยูเครน รวมถึงการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐในวันพุธ
ผู้ค้าคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในวันพุธ ในขณะที่พวกเขามองว่ามีโอกาสเกือบ 66% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ ตามเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME Group
“หากทองคำยืนเหนือ 3,040 ดอลลาร์ ระดับแนวต้านถัดไปคาดว่าจะอยู่ที่ 3,080 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สุดโต่ง” ราซาน ฮิลัล นักวิเคราะห์ตลาดจาก City Index กล่าว
ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 33.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม
จิม ไวคอฟฟ์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco Metals กล่าวว่า "เราอาจเห็นราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในอีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากราคากำลังไล่ตาม"
ราคาแพลทินัมลดลง 0.1% สู่ระดับ 999.15 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมทรงตัวที่ระดับ 965.56 ดอลลาร์
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์