‘วิริยะ‘จ่อเพิ่มเบี้ยประกันรถ ’EV’ เหตุเคลมสูง-อะไหล่แพง

‘วิริยะ‘จ่อเพิ่มเบี้ยประกันรถ ’EV’ เหตุเคลมสูง-อะไหล่แพง

“วิริยะ” ชี้อยู่ระหว่างการปรับเพิ่มเบี้ยประกันรถยนต์อีวีเพิ่ม เดิมคิดเบี้ยประกันสูงกว่ารถยนต์สันดาป 15% รับขาดทุนสูงเกิน 100% จาก “ค่าซ่อม-อะไหล่อีวี”สูง

นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV มากขึ้น จากเดิมมีการกำหนดค่าเบี้ยประกันรถยนต์อีวีสูงกว่ารถยนต์สันดาปที่ 15%

แต่ปัจจุบันพบว่า Loss ratio หรืออัตราสูญเสียหรือผลขาดทุนสูงถึง 100% และยอมรับว่าต้นทุนการเคลมสูงกว่ารถยนต์สันดาปกว่า 50% จากต้นทุนอะไหล่ที่อยู่ระดับสูงกว่ารถยนต์สันดาปค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทมีแผนปรับเพิ่มเบี้ยประกันรถอีวีขึ้น

ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราที่เหมาะสม ว่าการเพิ่มเบี้ยควรจะเป็นอัตราใด ที่จะสามารถลดผลขาดทุน หรือครอบคลุมกับอัตราการเคลมที่อยู่ระดับสูงขึ้นได้

ทั้งนี้มองว่าการปรับเพิ่มเบี้ยจะไม่เหมือนกัน แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อรถดังนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับค่ายรถต่างๆ และศึกษาตลาดเพื่อหาเบี้ยประกันที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม แม้การประรถยนต์อีวี จะมีผลขาดทุนอยู่ระดับสูง แต่บริษัทก็ยืนยันว่ายังไม่มีนโยบายในการเลิกรับประกันรถยนต์อีวี และเชื่อว่าวิริยะเองมีพอร์ตประกันรถยนต์ที่ใหญ่ ที่สามารถยังรองรับตลาดนี้ได้ และอยากทำหน้าที่ประกันให้ดีที่สุด

“เบี้ยที่ปรับขึ้นอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งอยู่ที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ด้วยที่ต้องมาคุยกันว่า ค่าซ่อม ค่าอะไหล่ที่เหมาะจะอยู่ที่เท่าไหร่ และปัจจุบันตลาดก็ยังไม่นิ่ง ดังนั้นก็ยังไม่สามารถบอกเบี้ยที่ปรับขึ้นหรือไม่ ซึ่งก็มองคงจะยังเป็นสองหลักเหมือนเดิมเทียบกับเบี้ยประกันรถยนต์สันดาป”

สำหรับ เบี้ยประกันรับรวมของประกันรถอีวี ปัจจุบันอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท โดยมีถึง 66,000 กรมธรรม์ และมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาเติบโตได้ถึง 200%

สำหรับ ภาพรวมธุรกิจปีนี้ยังคงตั้งเป้าการเติบโตของเบี้ยรับรวมต่อเนื่อง คาดเบี้ยประกันภัยรับตรงปีนี้จะยังโต 4.2 หมื่นล้านบาท โตขึ้นกว่า 3.7% จากปีก่อนที่เบี้ยรับรวมอยู่ที่ราว 4 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการโตในส่วนธุรกิจประกันภัยรถยนต์ที่ 3.3% หรือเบี้ยรับรวมที่ 37,591 ล้านบาท ประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ เช่น ประกันสุขภาพต่างๆ ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นปีนี้อีก 11% หรือราว 4,978 ล้านบาท

นอกจากนี้ ปีนี้ยังตั้งเป้ารักษาอัตราการเติบโตด้าน “กำไร” ให้อยู่ระดับ 3,000 ล้านบาทอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับพอร์ตการลงทุนของบริษัท ที่คาดจะเห็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนใกล้เคียงเดิมที่ 4% จากปัจจุบันที่บริษัทมีพอร์ตลงทุนโดยรวมอยู่ที่ 6.2 หมื่นล้านบาท

โดยยังคงเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เช่นพันธบัตรรัฐบาลที่เรตติ้งดี หุ้นต่างๆต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันภาพรวมตลาดหุ้นจะชะลอตัว แต่เชื่อว่า ระยะข้างหน้าตลาดหุ้นก็มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

ในปีนี้ยังเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง ทั้งประกันภัยมอเตอร์ ที่จะมีการพัฒนาประกันภัยประเภท 5 (2+,3+) คุ้มครองภัยน้ำท่วมซ่อมอู่ทั่วไป และ ประเภท 5 (2+) รถไฟฟ้าซ่อมห้าง ส่วนประกันภัยนอนมอเตอร์บริษัทมีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุเพิ่มเติม โดยเฉพาะประกันสุขภาพ ที่ออกมาเพื่อลดภาระ จากเกณฑ์ Copayment

สำหรับแผนธุรกิจปี 2568 จะดำเนินกลยุทธ์ภายใต้แนวคิด “ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า : ด้วยบริการที่เป็นเลิศครอบคลุมครบวงจร สะท้อนภาพความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนางานบริการให้เป็นเลิศในทุกมิติ ทั้งด้านการยกระดับคุณภาพ Touchpoint การขยาย Ecosystem คู่ค้า และการพัฒนาศักยภาพบุคลากร

ทั้งขยายงานตัวแทนและนายหน้าประกันวินาศภัย ซึ่งถือเป็นช่องทางงานขายสำคัญของบริษัทฯ ให้ได้กว่า 200 ราย เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึง การพัฒนาจุดบริการทั้งสาขา ศูนย์บริการสินไหมทดแทน และ จุดบริการในห้างสรรพสินค้า (V-Station) ให้ครอบคลุมทุกบริการอย่างครบวงจรรวมถึงการยกระดับงานขายและการให้บริการผ่าน Line OA