‘กูรู’ ลุ้นครึ่งหลัง ‘ทองคำ’ พุ่ง ‘เทรดวอร์ - ภูมิรัฐศาสตร์’ หนุน

‘กูรู’ ลุ้นครึ่งหลัง ‘ทองคำ’ พุ่ง ‘เทรดวอร์ - ภูมิรัฐศาสตร์’ หนุน คาดราคาทองคำโลกพุ่งแตะ 3,200 ดอลลาร์ ขณะที่ทองคำไทยมีโอกาสแตะ 50,000 บาท ตั้งแต่ต้นปี 2567 นักลงทุนรายย่อยทยอยซื้อสะสมมากสุด
“ทองคำ” ราคาพุ่งทะยาน “ทุบสถิติสูงสุด” เป็นประวัติการณ์ หลังทะลุ 3,000 ดอลลาร์ จากความกังวลสงครามการค้า บวกกับสถานการณ์ การสู้รบระหว่าง “รัสเซียกับยูเครน” ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่งผลให้การลงทุนได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นจาก “นักลงทุนรายย่อย” ที่ทยอยเข้าซื้อสะสมเพื่อเก็งกำไรทองคำเพิ่มมากขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพราะมองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ในปีที่ผ่านมา มีการกักตุนทองคำค่อนข้างมาก
“จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” นายก สมาคมค้าทองคำ ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สาเหตุที่ทองคำปรับตัวขึ้นทะลุ 3,000 ดอลลาร์ มาจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังไม่มีข้อสรุป และสงครามการค้า โดยคาดระยะสั้นๆ ทองคำจะยังคงผันผวน หรืออาจจะมีการปรับฐานได้บ้าง แต่ระยะยาวยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ มองไว้ที่ระดับ 3,200 ดอลลาร์ภายในครึ่งหลัง ขณะที่ “ทองคำไทย” มองในช่วงปีนี้มีโอกาสปรับขึ้นไปที่ระดับ 50,000 บาท
ทั้งนี้ ในส่วนสงครามการค้าหลายฝ่ายก็ยังคงมีความกังวล เนื่องจากยังคงไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดความปั่นป่วน ดังนั้นนักลงทุนจึงมีการทยอยเข้าซื้อทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคง
ขณะที่ ในส่วนของธนาคารกลางในต่างประเทศมีการทยอยซื้อทองคำเข้าสะสม โดยเฉพาะประเทศจีนมีการเข้าซื้อทองคำค่อนข้างมาก แต่ธนาคารกลางประเทศอื่น ๆ ขณะนี้ยังไม่ประกาศตัวเลขที่ชัดเจนออกมา
“นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ” ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท MTS GOLD แม่ทองสุก มีมุมมองว่า ทิศทางทองคำยังคงมีโอกาสเหวี่ยงขึ้นไปอีก เนื่องจากสงครามการค้ายังคงเป็นประเด็นที่เข้ามากระตุ้นการขึ้นของทองคำต่อเนื่อง ทำให้บรรดากองทุนรวม หรือธนาคารกลางต่างๆ เข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ทองคำจึงพุ่ง All Time High ตลอดเวลา และยังไม่มีทิศทางของการย่อ
ขณะที่ ทองคำไทยก็ทำ All Time High ตลอดเช่นกัน ขณะที่ราคาอยู่ที่ 48,300 บาท เรียกได้ว่าราคาสามารถยืนอยู่เหนือระดับ 48,000 บาทได้ โดยคาดว่าในช่วงปลายปีนี้น่าจะได้เห็นทองคำไทยแตะที่ 50,000 บาท ขณะที่ทองคำโลกคาดน่าจะไปแตะ 3,150 ดอลลาร์ ดังนั้น โดยองค์รวมต้องบอกว่าทองคำไทยยังทำ “จุดสูงสุด” เช่นเดียวกับทองคำโลก
ทั้งนี้ ในส่วนธนาคารกลางแต่ละประเทศที่มีการเข้าสะสมทองคำในแต่ละเดือนจะมีการรายงานออกมา ซึ่งจะไม่ได้มีการรายงานออกมาในทุกๆ วัน ดังนั้น การซื้อทองคำของธนาคารกลางมักจะไม่ได้มีผลทำให้ราคาทองคำขึ้นหรือลงมากสักเท่าไร เพราะว่าธนาคารกลางเข้าซื้อแต่ละครั้งไม่ค่อยมาก โดยซื้อในแต่ละครั้งตกอยู่ที่ประมาณ ครึ่งตันหรือหนึ่งตัน แต่ผลของการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อนั่นมีผลต่อจิตวิทยา และภาพรวมของการลงทุน ส่งผลให้สถาบันการเงิน หรือกองทุนรวมเข้าซื้อเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ทว่า สิ่งสำคัญที่สุดนักลงทุนรายย่อยในแต่ละวันตลาดเข้าซื้อตกวันละประมาณ 800 ตัน
“บดินทร์ พุทธอินทร์” ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลว่า ทองคำปีนี้มีโอกาสขึ้นต่อได้ จากความไม่แน่นอนต่อนโยบายทรัมป์ต่อการลงทุน และเศรษฐกิจ ดังนั้นทองคำจึงมีแรงหนุนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันราคาทองคำโลกปรับทะลุ 3,000 ดอลลาร์ ที่ 3,040 ดอลลาร์ มองหลังสงกรานต์ทองคำจะพุ่งขึ้นไปแตะที่ระดับ 3,100 ดอลลาร์
แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังในช่วงที่ทองคำปรับเพิ่มขึ้นไปแรงๆ เพราะทองคำยังคงมีความผันผวน ช่วงเม.ย.2568 ทรัมป์จะกลับมาดูนโยบาย Reciprocal Tariff หรือภาษีต่างตอบแทน ซึ่งจะทยอยประกาศตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. หากทรัมป์ต้องการที่จะเดินหน้าขึ้นภาษีต่อ ส่งผลให้ความไม่แน่นอนปรับเพิ่มขึ้น และราคาทองคำก็จะมีโอกาสปรับขึ้นไปที่ 3,100 ดอลลาร์ หากมีการเจรจาต่อรองพูดคุยกันได้ในแต่ละประเทศยักษ์ใหญ่ อาจจะส่งผลให้ทองคำถูก Take Profit ในระยะสั้นได้ แต่ในปีนี้ยังมองทองคำเป็นขาขึ้นอยู่
อย่างไรก็ตาม บ้านเรายังคงมีผลกระทบต่อค่าเงินที่ปัจจุบันค่อนข้างจะแข็งค่า และหากบาทกลับมาอ่อนค่าทองคำจะได้รับอานิสงส์แรงหนุนเพิ่มขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ ในส่วนของธนาคารกลางแต่ละประเทศในปีที่ผ่านมา มีการเข้าซื้อทองคำค่อนข้างมาก แต่ในปีนี้ผลของทองคำมาจากนักลงทุนรายย่อยมากกว่าที่เข้าทยอยซื้อเก็บสะสม ประกอบกับเป็น seasonal หรือฤดูกาล ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องพึ่งพาชิป ส่งผลให้การบริโภคของทองคำมากขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์